วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

ถั่ว สุดยอดอาหาร ชะลอความแก่



ข่าวดีสำหรับใครที่ชอบกินถั่ว ไม่ว่าจะเป็นถั่วลิสงแบบไทย ๆ หรือถั่วแบบฝรั่งอย่างอัลมอนด์ พิทาชิโอ วอลนัต รวมถึงเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ใส่ปรุงอาหารและขนมต่าง ๆ

เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า "ถั่ว" นั้นให้โปรตีน ไขมัน และพลังงานสูง สาว ๆ บางคนกินถั่วนับเม็ดเป็นอาหารว่างแทนการกินอาหารหนัก ๆ เพราะไม่ต้องการอ้วน การกินถั่ววันละนิดละหน่อยจะช่วยเสริมสารอาหารดี ๆ อย่างคาดไม่ถึง เพราะในถั่วมีทั้งเส้นใยอาหาร มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง อย่างวิตามินอี และมี Linolenic Acid ช่วยบำรุงผิวหนังและเส้นผม นั่นล่ะจึงเป็นสุดยอดการชะลอความชรา

สำหรับผลดีต่อสุขภาพก็มีโอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ นอกจากนี้ อย.ของอเมริกา ยังบอกว่า ทานถั่ววันละ 1 กำมือ ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย



ที่มา
http://health.kapook.com/view24912.html

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

ชวน"สาว40+"ออกกำลังกายให้งามสมวัย

ชวน"สาว40+"ออกกำลังกายให้งามสมวัย



หลายคนพอเริ่มเป็นคุณแม่ หรือเข้าสู่เลข 3 ปลาย ๆ ก็เริ่มเกิดความไม่มั่นใจในความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เริ่มมีไขมันมาสะสมตามจุดต่าง ๆ บางส่วนที่เคยเต่งตึงก็แปรสภาพไปสู่ก้อนเนื้อ หยุ่นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก

วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับการออกกำลังกายจากผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม "คุณแต้ม- รุ่งนภา กิตติวัฒน์" จากกิจกรรมเวิร์คช็อป Fit & Firm for 40 Plusซึ่งจัดโดย Women 40 Plus มาฝากกันค่ะ โดยก่อนออกกำลังาย กูรูความงามได้อธิบายสั้น ๆ ว่า

"ผู้หญิงเราทุกคนพออายุเพิ่มขึ้นต้องเปลี่ยนสไตล์การออกกำลังกาย ท่าที่แนะนำในวันนี้ เป็นการดัดแปลงและนำท่าออกกำลังกายต่างๆ ที่ใช้แล้วได้ผลจริง เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น การออกกำลังกายแบบ High Impact อาจจะไม่เหมาะกับเรา เพราะว่าจะมีการกระแทกเยอะ ข้อเข่า ขา คอ หลัง และอวัยวะต่าง ๆ ต้องการการดูแลมากกว่าสมัยยังสาว ดังนั้นท่าทางที่นำมาสาธิตกันในวันนี้ ดิฉันได้ทดลองทำมาแล้วด้วยตัวเอง รับรองว่ารูปร่างทุกคนจะดีได้ ถ้าหากตั้งใจและทำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถ้าทำได้อาทิตย์ละ 3 ครั้งก็ถือว่าเยี่ยม”

ทั้งนี้ การออกกำลังกายจะแบ่งออกเป็นหมวดต่าง ๆ ทั้งสิ้น 3 หมวด ดังนี้ค่ะ

1. หมวดยืดกล้ามเนื้อ (ทำท่าต่างๆ ตามปัญหาของแต่ละบุคคล ท่าละ 2-3 เซ็ต เซ็ตละ 10 ครั้ง)



ท่าที่ 1 ท่าไหว้พระอาทิตย์ตามหลักโยคะ ช่วยยืดกล้ามเนื้อ ไม่ปวดหลัง แต่ไม่ช่วยให้เฟิร์ม
ท่าที่ 2 เหวี่ยงแขนและบิดลำตัว
ท่าที่ 3 ยืดตัว เอามือก้มแตะขา สลับซ้ายขวา ไล่ลมและลดเอว
ท่าที่ 4 ยืดตัว หลังตึง ก้นขมิบ ย่อตัวลง ยืดขาหลัง โล้ขาหน้า แล้วเปลี่ยนข้าง
ท่าที่ 5 ยืดตัว ยกมือเหนือหัว แอ่นตัวไปข้างหลัง หายใจออก แขม่วท้อง

2. หมวดหลัง น่อง ก้น



ท่าที่ 1 ยืนจับพนักเก้าอี้ แขม่วท้องยกขาชันเข่าขึ้น เตะขาไปด้านหลัง ไม่ต้องยกสูง ให้ต้นขา และน่องพอรู้สึกตึง แล้วเปลี่ยนข้าง



ท่าที่ 2 ยืนแยกขา มือเท้าหน้าขาย่อตัวลง คล้ายท่านั่ง แล้วยืดตัวขึ้น ท่าที่ช่วยให้ต้นขาและก้น กระชับ



ท่าที่ 3 เตะขาไปข้างหน้าและหลัง โดยแกว่งมือข้างเดียวกับขา และระหว่างทำท่านี้ให้เกร็งหน้า ท้องไปด้วย



ท่าที่ 4 ยืนจับพนักเก้าอี้ด้วยมือข้างเดียว ก้าวเท้ามาข้างหน้า ย่อเข่าแต่ไม่ติดพื้น กำมือหรือ ยกดัมเบล จากนั้นกลับท่าเดิมแล้วสลับข้าง ช่วยเรื่องก้นและต้นขาและเข่า เพราะถ้าหัวเข่าเหี่ยวย่นจะบ่งบอกอายุ แม้จะไปทำหน้ามาตึงขนาดไหนก็ตาม

3. หมวดหน้าท้อง เอว ก้น



ท่าที่ 1 นอนราบกับพื้น มือจับขาเก้าอี้ วางปลายเท้าไว้ที่ขอบเก้าอี้ ยกขาอีกข้างหนึ่ง เหยียดตรงจากนั้นยกก้นสะโพกและขาขึ้นแล้วผ่อนลง (ทำท่านี้แรกๆ อาจมีลมออกที่ช่องคลอด ซึ่งท่านี้จะช่วยกระชับภายในของผู้หญิงเราด้วย)



ท่าที่ 2 ยืนวิดพื้นกับผนัง หน้าอกต้องติดผนัง และแขม่วท้องพร้อมขมิบก้นไปด้วย ท่านี้ช่วยให้ก้นตึง



ท่าที่ 3 นอนหงาย มือประสานใต้เอว ขาชิด แล้วยกขึ้น แล้วยกลง อย่าให้ส้นเท้าถึงพื้น ท่านี้เป็น การบริหารหน้าท้อง



ท่าที่ 4 ซิต- อัพ นอนราบมือประสานท้ายทอย ยกขาและยกตัวขึ้น จากนั้นแล้วผ่อนลงอย่าให้ขาแตะพื้น



ท่าที่ 5 ท่า Jack and Knife ช่วยลดหน้าท้องและรอบเอว นอนตะแคงเอามือไว้ที่ท้ายทอย มือซ้ายยึดขอบเตียงหรือเก้าอี้ ขาชิด แล้วยกขาสองข้างขึ้นพร้อมกัน



ท่าที่ 6 นอนตะแคง มือประคองศีรษะ งอเข่าขาล่างเล็กน้อย เตะขาด้านบนไปข้างหลัง

พร้อมกันนี้คุณแต้มยังได้บอกถึงเทคนิค Fit & Firm สำหรับสาวเลข 4 มาด้วย นั่นก็คือ

- ต้องเข้าใจสรีระของเราก่อนว่า ต้องมีหน้าท้องบ้าง ไม่ใช่แบนเรียบเหมือนสาว 16
- หลายคนให้ความสำคัญแต่เรื่องหน้าท้องและห่วงยางรอบเอว จนลืมเรื่องต้นขาไปเลย และยิ่งอายุเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อส่วนล่างจะเล็กลง เราจึงต้องเพิ่มกล้ามเนื้อช่วงต้นขาเพื่อช่วยพยุงก้นอีกที
- ท่ายกดัมเบล ทำเร็วๆ จะให้ผลที่เฟิร์มแน่น ถ้าทำช้าจะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ สำหรับคุณสาวๆ ที่เริ่มฝึกยกดัมเบล ควรจะเริ่มจากน้ำหนักน้อยไปหามาก และควรจะเปลี่ยนน้ำหนักที่ยกทุกๆ 3 เดือน
- เคล็ดลับสำหรับสาว 40+ ควรจะทำท่าพื้นฐาน ไม่ใช่ท่ายาก และให้ทำค่อนข้างช้า
- อย่ารอเวลา มีเวลาช่วงไหนก็ทำ เช่น ระหว่างทำอาหารก็ทำท่าเตะขาเพื่อช่วยให้ก้นเฟิร์ม
- จิบน้ำครั้งละนิด ระหว่างออกกำลังกายเพื่อช่วยไล่เหงื่อออกและช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

ถึงจะเข้าเลข 4 ก็ยังสามารถฟิตแอนด์เฟิร์มได้ตลอดนะคะ


ที่มา
http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000040992

วิจัยพบ "วัยชรา" มีความสุขมากกว่าวัยทำงาน



ไม่แน่ว่าวัยชราอาจเป็นวัยที่หลายคนมีความสุขมากกว่าช่วงเด็ก หรือวัยทำงานไปเสียแล้ว ตราบเท่าที่คุณมีสามปัจจัยนี้อยู่กับตัว นั่นก็คือ มีสุขภาพดี มีรายได้พอสำหรับเลี้ยงตัว และมีสัมพันธภาพที่ดีกับคนรอบข้าง

เหตุที่ต้องกล่าวเช่นนั้นเป็นเพราะ ในวัยกลางคน หรือวัยรุ่น แม้คุณจะมีสามปัจจัยข้างต้นอยู่กับตัวก็ตาม แต่คุณจะถูกแรงกดดันจากสังคม จากหน้าที่การงาน จากเพื่อนฝูงให้เกิดความเครียดขึ้นได้ง่าย แต่กับผู้สูงอายุแล้ว หลาย ๆ คนยอมรับว่า แรงกดดันเหล่านั้นมีน้อยลงจนทำให้ชีวิตเป็นสุขมากขึ้นนั่นเอง

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ Lewis Wolpert ด้านชีววิทยาจาก University College London เจ้าของหนังสือ "You're Looking Very Well" กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

"สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้คนในปัจจุบันก็คือ ความสุขในช่วงวัยรุ่นและวัยกลางคนนั้นน้อยลงกว่าในอดีต"

สอดคล้องกับการสำรวจเกี่ยวกับความสุขของประชากรจำนวน 341,000 คนของ The National Academy of Sciences สหรัฐอเมริกาที่พบว่า ในภาพรวม ความสุขในชีวิตของประชากรวัยกลางคนมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ แต่จะมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในตอนอายุ 40 ปลาย ๆ ถึงต้น 50 ก่อนจะมีความสุขมากที่สุดอีกครั้งเมื่อตอนอายุ 85 ปี

นั่นเป็นเพราะยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไร มนุษย์ยิ่งใช้เวลาไปกับสิ่งที่ตนรัก และสนใจทำมากขึ้นเท่านั้น ส่วนสิ่งที่เราไม่สนใจ ไม่ชอบ ก็ยิ่งถูกผลักให้ห่างออกไป

"คนที่ได้ชื่อว่า ร่ำรวยอย่างแท้จริงนั้นคือคนที่มีความเครียดในชีวิตต่ำ มีความสัมพันธ์กับคนรอบข้างในระดับดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี และไม่อยู่เพียงลำพัง" ทั้งนี้ศาสตราจารย์ Wolpert ระบุว่า ความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างคือปัจจัยหลักที่ทำให้ชีวิตในวัยชราอยู่อย่างมีความสุข

ด้านศาสตราจารย์ Andrew Steptoe ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกล่าวว่า "ปัจจุบัน ผู้สูงอายุในวัย 60 - 70 ปี นั้นมีความแตกต่างจากผู้สูงอายุรุ่นเดียวกันเมื่อ 30 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิง เพราะผู้สูงอายุในปัจจุบันมีโอกาสทำสิ่งต่าง ๆ มากกว่า และมีโอกาสดูแลสุขภาพมากกว่า อย่างไรก็ดี การมีสุขภาพดี และการมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอก็เป็นเรื่องสำคัญมาก พอ ๆ กับการมีคนรัก หรือใครสักคนคอยดูแล"

"ในท้ายที่สุดแล้ว เพื่อนและครอบครัวของคุณคือสิ่งที่มีค่าที่สุด"

อาจเป็นการสำรวจโดยโลกตะวันตก ซึ่งการใช้ชีวิตมีความแตกต่างจากสังคมเอเชีย โดยเฉพาะสังคมไทย แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สามปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นนั้น มีผลให้ผู้สูงอายุที่ได้ครอบครองมันในวัยชราได้อยู่มีความสุขขึ้นได้จริง ๆ และอาจมากกว่าความสุขในวัยทำงานจริง ๆ เสียด้วย

ที่มา
http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000039757