วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การเตรียมตัวและเตรียมใจก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ

การเตรียมตัวและเตรียมใจก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ

คนเราทุกคนต้องพบกับคำว่า วัยสูงอายุหรือวัยชราไม่วันใดก็วันหนึ่ง หากว่าเราไม่ตายเสียก่อนขณะเป็นหนุ่มเป็นสาว ด้วยเหตุนี้จึงควรได้มีการเตรียมตัวและเตรียมใจก่อนจะเข้าสู่วัยสูงอายุเสียตั้งแต่แรก ก่อนที่จะถึงวันนั้นจริง ทั้งนี้เพื่อเราจะได้มีชีวิตในวัยที่สูงอายุอย่างมีความสุข แทนที่จะรอให้วันนั้นผ่านเข้ามาถึงโดยปราศจากการเตรียมเนื้อเตรียมตัว และหากทำใจไม่ได้เมื่อถึงวันนั้นก็อาจเป็นวันที่เราจะต้องโศกเศร้าไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ก็เป็นได้

การสร้างหลักประกันให้กับตนเอง
สิ่งหนึ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่พ้นก็คือ การเข้าสู่วัยชราหรือวัยสูงอายุ หากเราไม่ตายเสียก่อนหน้านั้น ด้วยเหตุนี้จึงควรเตรียมตัวรับสถานาการณ์ในวัยชราให้พร้อมก่อนจะถึงวันนั้น นั่นก็คือการสร้างหลักประกันให้กับตนเองก่อนจะเข้าสู่วัยสูงอายุ

1. ทรัพย์สินเงินทอง
คนที่รับราชการหรือทำงานบริษัทบางบริษัทที่มีเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ ก็อาจจะไม่เดือดร้อนมากนัก เพราะเมื่อปลดเกษียณแล้วก็ยังได้รับเงินบำเหน็จบำนาญ และอาจรวมถึงสวัสดิการอื่นๆ ด้วย เช่น ค่ารักษาพยาบาลเป็นต้น
แต่ถึงแม้จะได้รับบำเหน็จบำนาญเป็นเงินก้อน เงินจำนวนดังกล่าวก็อาจหมดไปได้ หรือกรณีที่รับบำนาญ เงินอาจจะน้อยกว่าจำนวนที่เคยได้รับ ก็อาจจะไม่พอเพียงกับค่าใช้จ่าย ก็จำเป็นที่จะต้องมีการสะสมเงินไว้ก้อนหนึ่งเพื่อใช้จ่ายในวัยที่สูงอายุแล้ว
ส่วนคนที่ไม่มีเงินบำเหน็จบำนาญเมื่ออกจากราชการแล้วก็ยิ่งนับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสะสมเงินไว้ใช้เมื่อเข้าสู่วัยชรา เพื่อว่าชีวิตบั้นปลายจะได้มีความสุขกับเขาบ้าง
การตระเตรียมเงินทองไว้ใช้จ่ายในวัยสูงอายุควรจะได้จัดทำล่วงหน้าเป็นเวลานานๆ อย่างน้อยก็ควรจะเป็น 10 ปีก่อนเกษียณอายุ และควรจะมีกำหนดหรืเป้าหมายแน่นอนว่าจะต้องเก็บสะสมเดือนละเท่าใด เพื่อเมื่อปลดเกษียณแล้วจะมีเงินพอใช้จ่ายกับชีวิตบั้นปลายของตน
อย่างไรก็ตาม มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายประจำเดือนในปัจจุบันก็เป็นปัญหาค่อนข้างมาก การที่จะเก็บเงินสะสมไว้เมื่ออายุมากแล้วยิ่งเป็นปัญหามากขึ้น แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ และมีวิธีเดียวที่ทำได้ก็คือการประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งโดยแบ่งเงินรายได้ออกเป็นส่วนๆ ไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่ง และรีบเอาส่วนที่จะเก็บสะสมฝากธนาคารไว้ทันทีเมื่อรับเงินเดือน อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะขืนเก็บไว้กับตัว เงินดังกล่าวจะหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว และไม่มีโอกาสฝากธนาคารได้เลย
ที่สำคัญที่สุดก็คือ จะต้องมีความมุ่งมั่นในการทำอย่างจริงจัง มิฉะนั้นการสะสมเงินทองในวัยก่อนเกษียณจะทำไม่ได้เลย

2.ที่อยู่อาศัย
ที่อยู่อาศัยก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญในวัยสูงอายุ มีหลายคนพูดว่าเกษียณแล้วยังไม่มีที่ซุกหัวนอน บางคนต้องเร่ร่อนอาศัยคนอื่นเขาอยู่ บางคนถึงกับต้องไปนอนศาลาวัดหรือข้างถนน สภาพดังกล่าวนับว่าเป็นที่อนาถใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ในขณะที่ทำงานอยู่และมีรายได้ ควรจะได้ขวนขวายหาที่อยู่อาศัยของตนเองให้ได้ แม้จะเล็กขนาดไหนก็ไม่สำคัญ ขอให้เป็นบ้านของเราเองก็พอใจที่สุดแล้ว
ปัจจุบันนี้การหาบ้านอยู่อาศัยอาจจะใช้วิธีซื้อผ่อนส่งก็ได้ ไม่จำเป็นต้องลงทุนเป็นก้อน หากไม่สามารถสร้างด้วยตนเองได้ก็ควรจะได้ใช้วิธีเช่าซื้อ เพื่อจะได้มีที่อยู่อาศัยเมื่อเกษียณอายุแล้ว

3. การรักษาสุขภาพของตนเอง
หากต้องการอายุยืนและมีความสุขในวัยสูงอายุ ทุกคนควรจะได้เตรียมร่างกายไว้ล่วงหน้าก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ เช่นเดียวกับการเตรียมทรัพย์สินเงินทองหรือที่อยู่อาศัย ทั้งนี้เพื่อเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุแล้วจะได้มีความสุข ด้วยการมีสุขภาพที่สมบูรณ์ ไม่เจ็บออดๆ แอดๆ อย่างที่เป็นในบางคน
การพยายามรักษาสุขภาพของตนเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในช่วงก่อนเกษียณอายุ เพื่อร่างกายจะได้แข็งแรง และมีสุขภาพสมบูรณ์ และยังเป็นผลดีต่อเนื่องมาจนถึงวัยสูงอายุของผู้นั้นด้วย ซึ่งจะช่วยทำให้ชีวิตในวัยสูงอายุ เป็นชีวิตที่มีความสุขสามารถไปไหนมาไหนได้ หรือสามารถทำอะไรด้วยตัวของตัวเองได้ รวมทั้งสามารถที่จะทำงานต่อหลังจากปลดเกษียณแล้วด้วย
การออกกำลังกายในวัยก่อนเกษียณ จึงนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง หากท่านต้องการเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง และปลอดจากโรคภัยมาเบียดเบียนเมื่อปลดเกษียณแล้ว นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญทำให้มีอายุยืน ซึ่งเป็นยอดปรารถนาของทุกคนด้วย

4. การหาตัวอย่างคนชรามาเป็นแบอย่าง
หลายคนมักจะถามตัวเองว่า เมื่อปลดเกษียณแล้วจะจัดการกับตัวเองอย่างไรดี จะทำงานต่อหรืออยู่กับบ้านเฉยๆ หรือจะทำอะไรดี และจะต้องทำอย่างไรกับชีวิตในบั้นปลายถึงจะมีความสุข
วิธีง่ายๆ ที่อยากจะแนะนำผู้ที่มีปัญหาดังกล่าวก็คือให้มองดูรอบๆ ตัวเราเอง แล้วพยายามหาคนชราคนใดคนหนึ่งที่เขามีชีวิตอย่างมีความสุขมาเป็นตัวอย่างของเรา เพื่อว่าเราจะได้มีความสุขอย่างเขาบ้าง พยายามศึกษาหารายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติตนของตัวเขาว่าเขาทำตัวอย่างไร ทำใจอย่างไร เขาจึงมีความสุขอย่างนั้น เชื่อแน่เหลือเกินการขอคำแนะนำจากเขาเป็นการไม่ยาก เพราะคนที่มีอายุแล้วมักจะชอบช่วยเหลือคนอื่นเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว หากท่านไปขอคำแนะนำจากเขา เขาก็คงจะบอกท่านได้ว่า ท่านจะต้องทำตัวอย่างไรจึงจะได้มีความสุขเช่นเดียวกับเขา
การหาตัวอย่างจากคนที่สูงอายุแล้ว อาจไม่จำเป็นต้องหาจากคนๆ เดียว เพราะมีวิธีการปฏิบัติมีหลายอย่างหลายวิธี บางอย่างอาจเหมาะสมกับตัวเรา บางอย่างอาจไม่เหมาะสมกับตัวเรา เราจึงควรดูตัวอย่างจากหลายๆคน แล้วเลือกข้อที่ดีที่เหมาะสมกับตัวเรามาปฏิบัติ ก็จะช่วยให้เรามีวิธีที่จะเลือกใช้ได้ถูกต้องเหมาะสมกับชีวิตของเรา

5. การหัดทำใจแต่ต้นมือ
เมื่อเราทราบว่า หากเรายังมีชีวิตอยู่ไม่วันใดวันหนึ่งเราก็ต้องเป็นคนแก่หรือคนชรา ทำไมเราจึงไม่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า เพื่อว่าเมื่อวันนั้นมาถึงเราจะได้ยอมรับมันด้วยความเต็มใจและมีความสุข ไม่ใช่ปล่อยให้มันมาถึงแล้วต้อนรับมันด้วยความทุกข์ ว่าเราจะทำอย่างไรดีกับชีวิตในวัยชราของเรา
คนเราเมื่อยังทำงาน มีอำนาจหน้าที่อยู่ คนเขาก็นับหน้าถือตา คนเขาก็ให้เกียรติ คนเขาก็ล้อมหน้าล้อมหลัง ทุกคนอยากเข้ามาหา ทุกคนอยากพบ แม่เมื่อปลดเกษียณแล้วก็ไม่มีใครอยากมาหา เพราะเราหมดอำนาจแล้ว เราไม่สามารถทำอะไรหรือช่วยเหลือเขาได้ เกียรติยศ ชื่อเสียง ความนับหน้าถือตาก็จะหมดไป ยิ่งเวลาเราไปงานไปการที่มีคนที่เขาขึ้นมาแทนตำแหน่งเรา ซึ่งมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง มีคนให้เกียรติ ส่วนเรานั่งอยู่คนเดียวไม่มีคนเหลียวแล อย่างมากก็ยกมือไว้เป็นพิธีแล้วเขาก็จากไป แม้จะมานั่งคุยด้วยเขาก็ไม่อยากมา เพราะกลัวนายใหม่จะเขม่นเอาว่าเป็นพวกนายเก่า หรือเป็นเพราะเกลียดขี้หน้าเต็มทน สมัยเป็นนายก็เป็นได้
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เราจะต้องเตรียมใจไว้ก่อนจะถูกปลดเกษียณ ว่าเราจะต้องพบกับสิ่งเหล่านั้น และไม่ใช่แต่เราเท่านั้น และไม่ใช่แต่เราเท่านั้น คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน นับเป็นของธรรมดา มีลาภก็เสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ เพื่อนฝูงก็นับวันจะหายไปวันละคนสองคน ผลที่สุดอาจต้องอยู่คนเดียว
หัดทำใจ หัดปลง หัดมองเห็นว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นของธรรมดาโลก และหัดทำใจวางเฉยไม่รู้หนาวไม่รู้ร้อนเสียบ้างตั้งแต่ต้น เราก็จะได้มีโอกาสมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต โดยไม่ต้องไปห่วงไปคิด ไม่กังวลว่าคนอื่นเขาจะรักเราไหม คนอื่นเขาจะให้เกียรติเราไหม เขาจะทำอย่างไรเป็นเรื่องของเขา หากเผอิญเขาทำอะไรให้เราพิเศษก็ให้ถือว่าเป็นกำไรของชีวิต หากเขาไม่ทำอะไรให้ก็ถือว่าเป็นเรื่องเฉยๆ ธรรมดาๆ เพราะมันไม่ได้ทำให้เราขาดทุนตรงไหน แต่คนที่เกี่ยวข้องอาจขาดทุนโดยไม่รู้ตัวก็ได้

6. การหัดทำให้จิตใจร่าเริงเบิกบานอยู่เสมอ
คนมักจะพูดว่า "เมื่อเรายิ้มกับโลก โลกก็จะยิ้มกับเรา" ด้วยเหตุนี้เราควรยิ้มกับโลกเสียตั้งแต่บัดนี้ ไม่จำเป็นต้องรอให้เกษียณก่อนแล้วจึงค่อยยิ้ม เพราะถึงตอนนั้นอาจยิ้มไออกแล้วก็ได้
การทำจิตใจให้ร่าเริงเบิกบานอยู่เสมอ นอกจากจะทำให้เราพ้นทุกข์และมีความสุขแล้ว ยังช่วยให้เรามีอายุยืนด้วย คนหลายคนพยายามเสาะหายาอายุวัฒนะ แต่หารู้ไม่ว่ายาอายุวัฒนะที่ดีที่สุดและใกล้ตัวที่สุด ตลอดจนไม่ต้องเสียเงินซื้อก็คือ "การยิ้ม" การยิ้มทำให้จิตใจเบิกบาน ทำให้จิตใจร่าเริง ทำให้จิตใจมีความสุข และทำให้อายุยืน
ด้วยตุนี้หากท่านยังไม่ทราบว่าควรจะทำการจัดการกับชีวิตอย่างไรดีเมื่อเกษียณอายุแล้ว ก็ใคร่ขอแนะทำว่าหัดทำให้จิตใจร่าเริงเบิกบานเสมอตั้งแต่บัดนี้ เมื่อเกษียณแล้วท่านก็จะมีชีวิตที่มีความสุข

7. การหัดใช้ชีวิตอย่างอิสระ
การหัดใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยไม่หวังพึ่งใครตั้งแต่แรกก่อนจะเข้าสู่วัยสูงอายุ นับว่ามีส่วนสำคัญในการทำให้ชีวิตหลังเกษียณอายุแล้วมีความสุขได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อปลดเกษียณอายุแล้วเราจะต้องอยู่ด้วยตัวของเราเอง และเราจะต้องทำอะไรด้วยตัวของเราเอง เราไม่อาจหวังให้คนโน้นคนนี้ช่วยเราได้
ด้วยเหตุนี้เราต้องพยายามฝึกหัดใช้ชีวิตของตนเองในระยะก่อนเกษียณอายุ ทั้งนี้เพื่อเมื่อเราปลดเกษียณแล้วเราจะได้สามารถช่วยเหลือตัวเราเองได้โดยไม่มีปัญหา ขณะเดียวกันเราก็จะได้ไม่คิดมาก และไม่เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่มีคนมาช่วยเราอย่างแต่ก่อน ความเศร้าหมอง ความไม่สบายใจก็จะไม่เกิดกับเรา เมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เราก็รู้จักวิธีจัดการแก้ไขด้วยตัวของเราเอง ไม่ต้องคอยพึ่งพาอาศัยใคร หากเขาให้พึ่งก็ดีไป หากเขาไม่ให้พึ่งเราก็จะมีแต่ความเจ็บช้ำน้ำใจ แต่ถ้าหากเราทำเองได้ เราก็จะได้มีความภาคภูมใจในตัวของเราเองว่า เราก็สามารถช่วยตัวเองได้ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปง้อพึ่งคนอื่น แม้แต่ลูกหลายของตนก็ตาม หากเราสามารถทำเองได้ เราก็ไม่ควรคิดพึ่งพาเขา ถ้าดีก็ดีไป ถ้าไม่ดีก็เจ็บใจเปล่าๆ

8. การหางานอดิเรกทำ
วัยหลังปลดเกษียณแล้วจะมีเวลาว่างมาก เราะไม่ทำงานอย่างแต่ก่อน จึงควรหางานอดิเรกไว้แต่ต้นมือว่าเราจะทำอะไรหลังจากปลดเกษียณอายุแล้ว ด้วยการเริ่มต้นเสียตั้งแต่ก่อนเกษียณอายุ ทั้งนี้เมื่อเกษียณอายุแล้วจะได้ทำต่อเนื่องได้ทันที
บางคนอาจจะหัดเล่นดนตรี บางคนอาจจะสะสมแสตมป์และอื่นๆ ทั้งนี้สุดแล้วแต่จะชอบ ว่าจะเลือกทำอะไรที่เราต้องการและเหมาะสมกับตัวเอง
การทำงานอดิเรกจะช่วยฆ่าเวลาแต่ละวันให้ผ่านไปอย่างมีความสุข แทนที่จะนั่งดูเข็มนาฬิกาทีละนาทีๆ ดูมันช่างเชื่องช้าและทรมานเสียจริงๆ การหางานอดิเกรทำหลังจากปลดเกษียณ จึงนับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการหาความสุขเมื่อปลดเกษียณแล้ว

9. การเข้าร่วมกิจกรรมของสังคม
การเข้าร่วมกิจกรรมของสังคมตั้งแต่ก่อนปลดเกษียณ จะช่วยทำให้ชีวิตได้มีความสุขอย่างดีในวัยปลดเกษียณแล้ว ไม่ควรรอให้ปลดเกษียณแล้วจึงเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม เพราะตอนนั้นอาจจะสายเกินไปแล้ว เพราะทุกคนต้องการคนที่แข็งแรง คนที่มีพลังในการทำงานของสังคม แต่เมื่อใดเขาเห็นว่าเราเป็นคนแก่แล้ว ความสำคัญของตัวเราก็จะลดน้อยลง และโอกาสที่จะร่วมงานสังคมก็จะน้อยลงไปด้วย
การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมต่างๆ นับว่าเป็นสิ่งที่ควรจะได้จัดทำเมื่ออยู่ในวัยทำงาน เพื่อว่าเมื่อปลดเกษียณแล้วเราจะได้มีโอกาสร่วมงานกับเขา และจะทำให้เรารู้สึกว่า แม้จะเป็นคนแก่ก็ยังเป็นคนแก่ที่มีค่าต่อสังคม ไม่ใช่คนแก่ที่นั่งรอคอยวันตายอย่างคนบางคน

10. การเข้าช่วยเหลืองานสังคมสงเคราะห์
การมีโอกาสเข้าช่วยเหลืองานสังคมสงเคราะห์บ้าง จะช่วยทำให้เรามีความรู้สึกมีความสุขมากขึ้น ที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือคนอื่น
การเข้าช่วยเหลืองานสังคมสงเคราะห์ก็มีหลายวิธีด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือสังคมเท่านั้น เพราะในวัยสูงอายุเงินยังเป็นของจำเป็นสำหรับเรา นอกจากเราคิดว่าเรามีพอจะแบ่งไปช่วยเหลือเขาบ้างก็จะเป็นการดียิ่งขึ้น แต่เราอาจจะช่วยเหลือด้านความคิด ด้านการทำงานเล็กๆ น้อยๆ ที่เรายังสามารถทำได้ ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลืองานสังคมสงเคราะห์เช่นเดียวกัน

11. การเข้าวัดเข้าวา
สิ่งสุดท้ายที่คนสูงอายุควรแสวงหาก็คือ ความสงบของจิตใจในบั้นปลายชีวิต ด้วยการเข้าวัดเข้าวาศึกษาพระธรรมคำสอนต่างๆ ของศาสนาที่ตนนับถือและเลื่อมใส เมื่อก่อนเราอาจไม่มีเวลาศึกษามากนัก เพราะต้องใช้เวลาทำมาหากิน แต่เมื่อเกษียณอายุแล้วเรามีเวลาว่างมากขึ้น โอกาสที่จะศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้งก็มีมากขึ้น เราก็จะมีชีวิตในบั้นปลายที่มีความสุขมากขึ้น

นอกจากนี้เมื่อเรามีความสุขแล้ว หากเราจะนำข้อธรรมะหรือคำสอนนั้นไปอบรมสั่งสอนชี้แจงให้คนอื่นทำบ้าง เราก็จะมีความสุขยิ่งขึ้นที่เราได้มีโอกาสช่วยเหลือคนอื่นให้มีความสุขอย่างเรา กุศลกรรมดีดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้เรามีความสุขยิ่งขึ้น
การเข้าวัดเข้าว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวตายอย่างมีความสุข เพราะเมื่อเข้าวัดแล้วจิตใจสงบ สามารถปลงในสิ่งต่างๆ ได้ว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์เกิดมาแล้วก็ต้องตาย ดังนั้นก่อนตายก็ควรเตรียมกายเตรียมใจไว้ให้ดี เมื่อตายแล้วจะได้ตายอย่างมีความสุข

ที่มา
http://www.rspg.org/elder/oldhappy6.htm