วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

แพทย์เผยกิน " ปลาทู 2 ตัว " ชะลอ " ความแก่ " ปลอดโรครุมเร้า

แพทย์เผยกิน " ปลาทู 2 ตัว " ชะลอ " ความแก่ " ปลอดโรครุมเร้า

แพทย์เชี่ยวชาญอายุรวัฒน์นานาชาติแนะ 3 วิธีง่ายๆ ช่วยคนไทยลดสังขารเสื่อมก่อนวัย อย่านอนดึก เลี่ยงแป้งน้ำตาลคุมน้ำหนัก กินผักใบเขียววันละ 5 กำมือ ป ลาทู 2 ตัว มีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซิตอัพวันละ 30 ครั้ง ฝึกหายใจลึกช่วยสติดีขึ้นชะลอแก่เร็ว

กรณีนายสำอาง สืบสมาน หัวหน้าโครงการวิจัยสุขภาพ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ( มสธ.) เปิดเผยผลงานวิจัยคนไทยประสบปัญหาภาวะเสื่อมสังขารก่อนวัยอันควร สาเหตุจากโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง
เบาหวาน การถูกทำร้ายร่ างกายและจิตใจเพิ่มขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมในการบริโภคที่เสี่ยง ขณะที่ชายไทยฮิตเป็นโรคความดันโลหิตและโรคตับ ส่วนหญิงเป็นโรคคอพอก และหืดหอบนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ( International Anti-Aging Institute: IAAI) กล่าวว่า

การเข้าสู่ภาวะเสื่อมสังขารก่อนวัยอันควรกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ไม่ควรมองข ้าม เพราะจะนำไปสู่สังคมผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นมีโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า ส่งผลต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ

สาเหตุของภาวะเสื่อมสังขาร แบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย คือ
1. ปัจจัยภายในที่เกิดจาก การสะสมของความเครียด ยิ่งขณะนี้ปัญหาการเมืองรุมเร้าทั้งภายในและภายนอกประเทศ ยิ่งทำให้คนไทยมีภาวะเครียดสูงขึ้น การก้าวสู่ภาวะแก่ก่อนวัยจึงไม่ใช่เรื่องแปลก นอกจากนี้ ปัญหาความเครียดจะพบมากในคนเมืองหลวง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพราะเ ป็นเมืองที่มีแต่การแข่งขัน มลภาวะสูง และ

2. ปัจจัยภายนอก สภาพแวดล้อม มลภาวะเป็นพิษต่างๆ รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภค ที่ส่วนใหญ่นิยมบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล กาแฟ จะมีสารที่ทำให้แก่สูงหรือที่เรียกว่า สารอนุมูลอิสระ

" พฤติกรรมการนอนหลับยังทำให้คนไทยแก่เร็วด้วย เนื่องจากคนส่วนใหญ่นิยมนอนช่วงเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป &nb sp; ทั้งๆที่ เวลาที่ควรนอนหลับพักผ่อนมากที่สุด คือ ช่วง 4 ทุ่ม และตื่นนอนตอน 6 โมงเช้า เพราะเป็นช่วงที่ธาตุหนุ่มสาวหรือโกรท ฮอร์โมน ( growth hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญเติบโตจะหลั่งออกมามากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว

แต่หากเรานอนหลับหลังจากนั้นก็จะลดการหลั่งของธาตุหนุ่มสาว สังเกตได้ว่าคนกรุงจะแก่เร็วมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่จะนอนดึกๆ กัน แต่หากลองมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนเสียใหม่ แค่เพียง 1 สัปดาห์ ก็จะทำให้รู้สึกสดชื่นทันที "

นพ.กฤษดากล่าวว่า สำหรับวิธีชะลอความเสื่อมของสังขารนั้นไม่ยาก ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของตัวเอง โดยใช้วิธีง่ายๆ ที่เรียกว่า 3 H ประกอบด้วย

1.Healthy Weight รู้จักควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน โดยการเลี่ยงแป้งและน้ำตาล โดยเฉพาะในอาหารจำพวกขนมปัง เค้ก เบเกอรี่ ส่วนน้ำตาล หลายคนหันมาบริโภคสารให้ความหวานแทน ซึ่งสารเหล่านี้ข้อควรระวังคือ ไม่ควรนำมาประกอบอาหาร หรือถูกความร้อนสูงๆ เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นทั้งใน และต่างประเทศระบุว่า เมื่อสารให้ความหวาน ประเภทน้ำตาลเทียมได้รับความร้อนสูงๆ อาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งได้
ดังนั้น การจะบริโภคน้ำตาลเทียมควรเลือกสารให้ความหวานที่ผลิตจากธรรมชาติอาทิ ชะเอมเ ทศ หรือหญ้าหวาน เป็นต้น

2.Healthy diet and Lifestyle บริโภคผักใบเขียวโดยควรบริโภคประมาณวันละ 5 กำมือ และปลาทูอีก 2 ตัว อาหารเหล่านี้จะมีสารอาหารที่ช่วยต้านพวกสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ หรืออนุมูลอิสระได้ และควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย และ

3.Healthy Mind คือต้องมีกำลังใจที่ดี มีจิตและสมาธิอยู่กับปัจจุบัน โดยให้ฝึกหายใจเข้าลึกๆ ให้ท้องป่อง และกลั้นหายใจสัก 4 วินาที จากนั้นค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกจะช่วยให้มีสติดีขึ้น

นพ.กฤษดากล่าวว่า ที่สำคัญควรรู้จัก ฝึกการใช้สมอง 2 ซีกอย่างสม่ำเสมอ เพราะการที่ใช้สมองเพียงซีกเดียวจะทำให้เกิดความเสื่อมตามมา หากเราถนัดมือขวาก็แสดงว่า สมองซีกซ้ายเราเด่น เราต้องทำให้สมองซีกขวาเด่นด้วย โดยการฝึกใช้มือซ้าย หรือให้ฝึกการใช้สัมผัสอื่นๆ ที่เราไม่ถนัด นอกจากนี้การที่เรารู้สึกหิวนิดๆ ก็จะทำให้โกรทฮอร์โมนหลั่งออกมามากด้วย เพราะเมื่อร่างกายเริ่มหิวจะสั่งไปที่สมองให้หลั่งสารให้สมองรู้สึกโล่ง จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น การที่รู้สึกดีก็จะทำให้จิตใจดีช่วยชะลอความแก่ไปในตัว

" ที่สำคัญการออกกำลังกายจะช่วยได้มากในเรื่องนี้ ยิ่งการซิตอัพจะทำให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนขึ้น เพราะจะทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย ดังนั้น ในแต่ละวันควรซิตอัพอย่างน้อย 30 ครั้ง " นพ.กฤษดา กล่าว และว่า ปัจจุบันคนทำงานนิยมดื่มกาแฟกันมาก ทั้งๆ ที่กาแฟเป็นตัวทำลายความอ่อนเยาว์ แต่จะให้เลิกกาแฟคงยาก ดังนั้น ไม่ควรทานกา แฟเกินวันละ 1 แก้ว หรือควรทานกาแฟเพียงวันละ 2 ช้อนชาก็เพียงพอ ที่สำคัญอย่าลืมว่า กาแฟยิ่งร้อนเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มความเข้มข้นให้กับคาเฟอีนซึ่งเป็นตัวอนุมูลอิสระที่สำคัญ

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

แก่แค่อายุแต่ใบหน้าใสปิ๊ง


แก่แค่อายุแต่ใบหน้าใสปิ๊ง

มีทางเลือกสารพัดที่จะชะลอความชรา วิธีไหนที่จะช่วยปกป้องผิวหนัง-หน้าตาไม่ให้ร่วงโรยก่อนวัยอันควร


ทุกวันนี้คนไทยมีทางเลือกในการชะลอความแก่ร้อยแปดพันเก้าวิธีการเหล่านั้นส่วนใหญ่มักต้องเสียเงินซื้อผลิตภัณฑ์มาประกอบจึงสมบูรณ์ แต่สารเคมีที่สะสมบนใบอาจส่งข้างเคียงได้เช่นกันเมื่อใช้ไปนาน


ศ.นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิตร ศูนย์ชะลอความเสื่อมและความชราภาพ ภาควิชาการพยาบาลอายุรศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช บอกว่า การป้องกันไม่ให้หน้าตาหรือผิวหนังแก่ก่อนวัยอันควร สามารถทำได้ง่ายมากเพียงดูแลผิวให้โดนแสงแดดน้อยที่สุด และเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มาจากธรรมชาติมีส่วนผสมของสารเคมีน้อยที่สุด


สิ่งที่ทำให้ความสวยงามของผิวพรรณคนเราลดน้อยลงมักมีสาเหตุจากโรคที่เกิดกับผิวหนังแบบเรื้อรังเป็นหลัก อาทิ โรคสิว ผด ผื่นคัน ที่ทำให้เจ้าตัวต้องมีพฤติกรรมล้วง แคะ แกะ เกา อย่างอดไม่ได้ หลังจากเสร็จภารกิจเหล่านั้นแล้ว ผลที่ตามมาคือรอยแผลและจุดด่างดำที่หายยากนั่นเอง ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ชะลอความเสื่อมและความชราภาพกล่าว


ปกติธรรมชาติของร่างกายทุกคนจะสร้างกรดไขมันที่บริเวณผิวหนัง เพื่อดักจับและป้องกันสิ่งแปลกปลอม ทั้งเชื้อโรค สารเคมี และเชื้อแบคทีเรีย ไม่ให้ซึมแทรกผ่านชั้นผิวหนังเข้าไปยังร่างกายจนเกิดโรค


อย่างไรก็ตามเมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะต่างๆ ที่เคยมีประสิทธิภาพในการปกป้องร่างกายจากสิ่งแวดล้อมก็มีแต่จะเสื่อมไป ไม่ว่าจะเป็นจมูกที่มีขนคอยดักจับฝุ่นละอองหรือเชื้อโรคบางชนิด หรือในลำคอเราเองที่เวลามีสิ่งแปลกปลอมจะมีเสมหะสกัดกั้นทำให้ไอหรือสำลักออกมา


การดูแลสุขภาพผิวให้มีสุขภาพดีอยู่สม่ำเสมอนับเป็นสิ่งสำคัญหากผิวสะอาดไร้มลทิน เชื้อโรคก็ไม่สามารถเข้ามากล้ำกรายได้ และก็จะเปล่งปลั่งตามช่วงวัยไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร


สิ่งที่ต้องดูแลเป็นพิเศษสำหรับผิวหนังที่ห่อหุ้มร่างกายของเราได้แก่ การหลีกเลี่ยงจากแสงแดดที่ร้อนจัด หรือสิ่งแวดล้อมที่มลภาวะทางอากาศค่อนข้างเป็นพิษสูง ผู้เชี่ยวชาญกล่าว


หากจำเป็นต้องอยู่ในสถานที่มีมลพิษสูงก็ควรสวมเสื้อผ้าที่มิดชิดหรืออาจใช้ร่มครีมกันแดด เสริมก็ได้ เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นต่อเนื่องนานๆ จะทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดเป็นรอยกระ ฝ้า จุดด่างดำ ในระยะยาว สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษาอีกมหาศาล


นอกจากการทำลายผิวจากแสงแดดแล้วยังมีการติดเชื้อที่รูขุมขน เนื่องจากการโกน ถอนขนที่ไม่สะอาดหรือทำไม่ดี จนเกิดเป็นการอักเสบหรือขนคุด หากติดเชื้อนานๆ รักษาไม่หายจะกลายเป็นฝี โดยจะพบในเด็กมากสุด เนื่องจากเด็กเมื่อคันก็จะเกา และไม่ล้างมือไปจับบริเวณอื่นของร่างกาย เชื้อก็ลุกลามไปทั่วจนรักษาหายได้ช้าและเป็นแผลเป็นเช่นกัน


การที่ผิวหนังแห้งเหี่ยวมากเมื่ออายุมากขึ้นหรือมีกระเนื้อบริเวณใบหน้าและไรผมเด่นชัด เป็นเพราะร่างกายของเราสัมผัสกับแสงแดดบ่อยและนาน ทำให้คอลลาเจนที่ให้ความชุ่มชื้นในชั้นผิวหนังเสื่อมเร็วกว่าเวลาจริง


หรือถ้าบริเวณแขนขามีรอยจุดด่างสีขาวมากๆ ก็หมายความว่าเมลานิลในชั้นผิวหนังถูกทำลายแล้วเช่นกันทำให้เม็ดสีผิวทำงานไม่สม่ำเสมอจนเป็นรอยด่างขาวดำปรากฏให้เห็น


นอกจากรอยฝ้า กระ จุดด่างดำที่พบว่ามีสาเหตุจากการสัมผัสแสงแดดสะสมมาตั้งแต่วัยหนุ่มสาวแล้ว ยังมีรอยตีนกาที่หลายคนต่างกลัวหนักหนาอีกอาการหนึ่งที่สามารถมาก่อนวัยอันควรได้เช่นกันหากไม่ป้องกันตนเองจากแสงแดด


แต่แพทย์ก็ไม่แนะนำให้ไปฉีดสารทำให้ตึงที่มีอยู่ตามท้องตลาด เพราะระยะยาวสารเหล่านั้นอาจสะสมในร่างกายและทำให้ระบบคุ้มกันของร่างกายผิดเพี้ยนไปได้


การเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับร่างกายไม่ว่าส่วนไหนก็ตามควรดูเอกสารการรับรองด้านการแพทย์ประกอบเป็นหลัก หากมีการกล่าวอ้างลอยๆ ว่ามีคนใช้แล้วได้ผลหรือไม่ได้ผลยินดีคืนเงินไม่ควรซื้อมาใช้ เพราะผลิตภัณฑ์ทุกอย่างต้องมีการทดสอบทางการแพทย์ก่อนออกมาวางจำหน่ายอยู่แล้ว แพทย์ศูนย์ชะลอความเสื่อมและความชราภาพกล่าว


ผศ.คัคนางค์นาคสวัสดิ์ ภาควิชาการพยาบาลอายุรศาสตร์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า การดูแลสุขภาพผิวไม่ใช่เพียงการตื่นมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเท่านั้น แต่ควรมีการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเสริมที่มีคุณภาพมาช่วยบำรุงด้วย


ผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ เครื่องสำอางหรือสบู่ที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือแอลกอฮอล์ สารเร่งผิวขาวอย่างปรอท เพราะจะไปยับยั้งการสร้างเซลล์ที่มาดูแลผิวหนังและเมื่อใช้ไปนานจะเปลี่ยนเป็นรอยด่างดำบนผิวหนังด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังกล่าว


วัยรุ่นไม่ควรที่จะบีบสิวเพราะวิธีนี้จะทำให้แผลแตก และเกิดการกระจายตัวของเชื้อโรคลุกลามจนเกิดเป็นสิวจำนวนมหาศาลผุดขึ้นมาอีกหลายตุ่ม และไม่ควรล้างหน้าบ่อย เพราะจะเป็นการทำลายเซลล์เนื้อเยื่อที่ช่วยป้องกันเชื้อโรคมาเกาะบริเวณผิวหนัง และเป็นสิวขึ้นง่ายกว่าเดิม


ปกติคนเราจะมีผิวอยู่ 2 แบบคือแบบมันและแบบแห้ง ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทุกครั้งควรอ่านฉลากให้ละเอียดว่าส่วนผสมในผลิตภัณฑ์นั้นเหมาะกับเราหรือไม่ ไม่ควรเลือกซื้อตามเพื่อนหรือตามคำโฆษณา หรืออาจซื้อมาทดลองทาที่ท้องแขนเพื่อดูอาการแพ้ก่อนก็ได้ เพราะผิวคนเรามีการดูดซึมที่แตกต่างกันออกไป


นอกจากการดูแลด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้วการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อผิวให้ครบตามความต้องการของร่างกายก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน


โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินจำพวกกรดอะมิโนแอซิด วิตามินอี และวิตามินซี ซึ่งหากไม่แน่ใจว่าวันหนึ่งรับประทานเพียงพอหรือขาดอะไรหรือไม่ก็สามารถปรึกษาแพทย์ที่ดูแลเรื่องโภชนาการด้วยก็ได้


การออกกำลังกายถือเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันจากเชื้อโรคได้อีกวิธีหนึ่งแต่สำหรับผู้ที่เริ่มมีอายุไม่ควรเลือกวิธีการที่หักโหมหรือรุนแรงเกินไป เพราะอาจได้รับอนุมูลอิสระมากจนเกินความจำเป็น หรือเกิดการบาดเจ็บจากการหักโหมและรักษาได้ยาก


การจะชะลอความแก่ให้มาเยือนช้าเราไม่ควรนอนดึก เพราะโกรทฮอร์โมนจะหลั่งในช่วง สามทุ่มถึงห้าทุ่ม ระหว่างที่ร่างกายมีการหลับสนิท ซึ่งการหลับสนิทนั้นต้องไม่มีเสียงหรือแสงรบกวนให้ตื่นขึ้นมากลางดึกด้วย ผศ.คัคนางค์กล่าว


ทั้งนี้ การจะชะลอความเหี่ยวย่นร่วงโรยก่อนวัยอันควรเราต้องรู้สาเหตุที่มาก่อนว่าเป็นเพราะอะไร จากนั้นจึงใช้วิธีที่ตรงจุดเพื่อป้องกันในระยะยาว ไม่ว่าจะทาครีมหรือสวมเสื้อผ้าเพื่อป้องกัน ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการทำงานของต่อมในร่างกาย ทำจิตใจให้สบายและไม่วิตกกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายจนเป็นอาการหน้าดำค่ำเครียด

ที่มา bangkokbiznews

เคล็ดลับการดูแลผิว ก่อนเข้าวัยทอง

เคล็ดลับการดูแลผิว ก่อนเข้าวัยทอง

เมื่อเข้าสู่วัยทอง ผิวพรรณที่เคยสดใสเต่งตึง จะเริ่มเสื่อมสภาพไป โดยเฉพาะผู้หญิง เนื่องจากขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน การดูแลผิวพรรณอย่างถูกวิธีจะช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของผิว และทำให้ผิวพรรณคงความงามต่อไป แม้ว่าอายุจะมากขึ้นก็ตาม


ทั้งหญิงและชายควรเริ่มใส่ใจดูแลผิวพรรณตั้งแต่อยู่ในวัยหนุ่มสาว เพื่อให้เซลล์ผิวแข็งแรงมาแต่เดิม จะดีกว่าเพิ่งมาดูแลเมื่ออยู่ในช่วงวัยทอง หรือกันไว้ดีกว่าแก้นั่นเอง


โครงสร้างของผิวหนัง


ชั้นหนังกำพร้า เป็นชั้นที่อยู่นอกสุด ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ และป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย


เมื่อเข้าสู่วัยทอง ชั้นหนังกำพร้าจะเริ่มบางลง ผิวหนังถลอก ติดเชื้ออักเสบ เกิดอาการแพ้เป็นผื่นได้ง่าย ในบางราย เซลล์เนื้อเยื่ออาจเกิดการแบ่งตัวผิดปกติ กลายเป็นเนื้องอกหรือมะเร็งผิวหนังได้


ชั้นหนังแท้ ประกอบไปด้วยเส้นใยที่ประสานกัน เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ มีต่อมเหงื่อทำหน้าที่สร้างและขับน้ำออกจากร่างกายเพื่อปรับอุณหภูมิ และต่อมไขมันทำหน้าที่ขับไขมันออกมาปกป้องผิว นอกจากนี้ยังมีปลายเส้นประสาทและปลายของหลอดเลือดแดงและท่อน้ำเหลืองอยู่ภายในชั้นหนังแท้ ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงเซลล์ผิวหนัง


เมื่อเข้าสู่วัยทอง ชั้นหนังแท้จะบางลงเช่นกัน โดยเฉพาะในหญิงวัยทอง เส้นใยที่ประสานกันอยู่จะขาดความยืดหยุ่น ทำให้ผิวหนังเกิดรอยเหี่ยวย่น ต่อมเหงื่อจะมีจำนวนลดลงและเสื่อมประสิทธิภาพ จึงขับเหงื่อออกจากร่างกายได้น้อย ทำให้ทนต่ออากาศร้อนได้น้อยลง ต่อมไขมันก็ทำงานน้อยลง ผิวหนังจึงแห้งและเป็นขุยได้ง่าย ส่วนปลายประสาทรับความรู้สึกก็จะทำงานลดลงเช่นกัน


ชั้นไขมัน ทำหน้าที่ช่วยลดการกระแทกและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เมื่อเข้าสู่วัยทอง ผิวหนังชั้นไขมันในตำแหน่งต่างๆ จะหนาบางไม่เท่ากัน ไขมันบริเวณเอว สะโพก ช่วงขา และใต้คาง จะหนาขึ้น ในขณะที่ไขมันบริเวณวงแขนและส้นเท้าจะบางลง


นอกจากสภาพผิวพรรณที่เปลี่ยนแปลงไปในวัยทองแล้ว เส้นผมและขนก็จะลดจำนวนลงและมีขนาดบางลง ทำให้ผมบาง ยิ่งกว่านั้นยังเกิดผมหงอกเนื่องจากเซลล์เม็ดสีเสื่อมสภาพไป นอกจากนี้ เล็บก็ยังเปราะบางและหักได้ง่าย


อย่างไรก็ตาม การเสื่อมสภาพตามวัยดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ผิวพรรณเปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ถึงประมาณ 70% เกิดจากสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแสงแดด รังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดจะค่อยๆ ทำลายผิวพรรณทีละเล็กทีละน้อย ทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่นและเกิดรอยเหี่ยวย่น เมื่อถูกแสงแดดเป็นเวลานานๆ จะทำให้ผิวหนังหนาและหยาบกระด้าง มีจุดด่างดำตามบริเวณที่ถูกแสงแดด หรืออาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้


นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดริ้วรอยบนผิวหนัง ได้แก่ สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษต่างๆ มลภาวะสารเคมี ความร้อน ความอ้วน การสูบบุหรี่ การขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าในท่าซ้ำๆ แม้แต่การนอนในท่าเดิมซ้ำๆ เช่น นอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งเป็นประจำ ก็ทำให้เกิดริ้วรอยจากการนอนทับขึ้นได้

ที่มา
http://i-puk.com/beauty/wrinkle-4.php

โบท็อกซ์ คืออะไร ทำไมลบริ้วรอยได้

โบท็อกซ์ คืออะไร ทำไมลบริ้วรอยได้

ริ้วรอย ที่เกิดขึ้นบน ใบหน้า ของคนเรานั้น เกิดจากการ แสดงสีหน้า และ อารมณ์ ต่างๆ ซ้ำๆ กล้ามเนื้อ มัดที่เราใช้ แสดง สีหน้า และ อารมณ์ ก็จะเกิดการหดตัวทำให้ ผิวหนัง ที่อยู่เหนือ กล้ามเนื้อ นั้น เกิดเป็น รอยใ ห้เห็น หรือที่เรียกว่า “ รอยย่น ” เมื่อเราฉีด BTA เข้าใน กล้ามเนื้อ ที่มี ริ้วรอย ในปริมาณยาเพียงเล็กน้อย ยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการนำกระแสประสาทที่ส่งมายัง กล้ามเนื้อ บริเวณนั้น ทำให้เกิดการคลายตัว เมื่อ กล้ามเนื้อ คลายตัว ผิวหนัง ด้านบนของ กล้ามเนื้อ นั้นก็จะเรียบและไม่มีรอยย่น ส่วนการทำงานด้านอื่นๆ ของเส้นประสาทเป็นปกติ เช่น การรับรู้ความรู้สึกต่างๆ เป็นปกติ


การออกฤทธิ์ของยา เป็นการออกฤทธิ์เฉพาะที่ หรือออกฤทธิ์เฉพาะบริเวณที่ฉีดเท่านั้น ไม่มีผลกับ กล้ามเนื้อ ส่วนอื่นๆ เมื่อคุณแสดง สีหน้า และ อารมณ์ ต่างๆ สีหน้า คุณดูเป็น ธรรมชาติ เพียงแต่ ริ้วรอย หายไปเท่านั้น

โบทอกซ์ botox ความรู้เบื้องต้น และการฉีดลบรอยย่น


โบท๊อกซ์ โบทอกซ์ หรือ botox เป็นพิษที่เกิดจาก โบทูลินุม แบคทีเรีย ซึ่งมีความเป็นพฺษต่อระบบประสาท แต่จากการนำมาใช้พบผลข้างเคียงคือผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทำให้แพทย์ประยุกต์มาใช้เพื่อลบรอยย่นบนใบหน้า


Botulinum toxin หรือโบโทลินุม เกิดจากแบคทีเรียชนิดไม่ใช้อากาศ ที่เรียกว่า Clostridium botulinum พบในอาหรกระป๋องที่มีเชื้อ โดยเมื่อผู้ได้รับประทานเข้าไปจะเกิดอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ อัมพาต ซึ่งถ้ากล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต ก็จะถึงแก่ชีวิตได้


อาการเริ่มจาก ปากแห้ง ตาพร่า คลื่นไส้ อ่อนแรงแขนขา พูดลำบาก หายใจไม่ได้ เรียกว่าอาการ โบทูลิซึ่ม Botulism ต่อมา มีการพยายามสกัดสารนี้ออกมา และมีการนำมาใช้ในการแพทย์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1980 โดยจักษุแพทย์ และเริ่มนำมาใช้โดยอายุรแพทย์ระบบประสาท ในการรักษา ภาวะตาเข ภาวะหนังตากระตุก แก้มหรือคอกระตุก หลังจากการใช้ในการแพทย์ระยะหนึ่ง พบว่า คนไข้เกิดชอบใจเนื่องจากรอยย่นที่หัวคิ้วหายไป จึงนำมาใช้ในการรักษารอยย่นชนิดที่เกิดจากกล้ามเนื้อ ใบหน้าทำงานมากไป และแพร่หลายจนบัดนั้น


การออกฤทธิ์

ออกฤทธิ์ โดยการไปบล๊อก ตัวส่งสารสื่อประสาท acetylcholine ของกล้ามเนื้อ ทำให้สารสื่อประสาท ทำงานไม่ได้ กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัว โดยจะออกฤทธิ์ ประมาณ 3-6 เดือน


ในไทย มีการนำเข้ามาสองบริษัท ซึ่งเป็นท๊อกซินชนิด serotype A ทั้งคู่


ข้อบ่งชี้

รักษารอยย่นของใบหน้าที่เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เช่นหน้าผาก หรือหัวคิ้วจากการขมวดคิ้ว เปลี่ยนรูปทรงของใบหน้า ที่เกิดจากการคลายตัวของกล้ามเนื้อ เช่น ผู้ที่กรามใหญ่ กล้ามเนื้อกรามทำงานมาก ฉีดแล้วเรียวเล็กลงได้ รักษาภาวะเหงื่ออกมากผิดปกติ hyperhydrosis โดยไม่ทราบสาเหตุ เช่นที่ฝ่ามือ เท้า รักแร้ หน้า


ข้อห้ามทำ

- มีปัญหาแพ้โบท๊อกซ์ หรือ โปรตีนอัลบูมิน
- ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร
- มีความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้ออยู่แล้ว เช่น มัยแอสทีเนีย myasthenia gravis หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงอื่น
- เลือดออกง่ายผิดปกติ
- ยาบางตัวมีผลต่อโบท๊อกซ์ เช่นยากลุ่มยาแอนติไบโอติกส์ ควินิน


การดูแลหลังฉีด

ภายหลังฉีด ควรอยู่ในท่านั่ง หรือยืนประมาณ 4 ชม. เพื่อกันการไหลของยาไปที่อื่น ใช้กล้ามเนื้อ คือขมวดคิ้ว บ่อยๆให้ยาจับกับตัวรับดีๆ อาจมีจ้ำเลือดเล็กๆไม่ตองทำอะไร ไม่ควรอบซาวน่าสักสามสี่วัน ใช้เครื่องสำอางได้ตามปกติ อาจมีอาการตึงหนักหน้าใน 3-4 วันเป็นปกติ ไม่ต้องกังวล หายไปใน 1-2 สัปดาห์ ยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 5 วัน เต็มที่ใน 2-4 สัปดาห์ อยู่ได้นาน 3-6 เดือน ยิ่งฉีดหลายครั้ง ยิ่งอยู่ได้นานขึ้น


ปัญหาแทรกซ้อน

- หนังตาบนตก เกิดจากการฉีดไม่ถูกวิธี มักเป็นนาน 1-3 เดือน
- ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร
- คิ้วตก เกิดจากการกระจายยาไปไกลกว่าปกติ หรือฉีดผิดวิธี
- มุมปากตก
- จ้ำเลือด
- ตาแห้ง
- แพ้ ผื่นคัน

นพ.กิจการ จันทร์ดา

ที่มา
http://i-puk.com/beauty/wrinkle-6.php

5 นิสัย ช่วยให้ห่างไกลริ้วรอย

5 นิสัย ช่วยให้ห่างไกลริ้วรอย

เคล็ดลับดีๆ ช่วยป้องกันใบหน้าไม่ให้มีริ้วรอยก่อนวัยกับ 5 นิสัยง่าย ๆ ช่วยคุณห่างไกลริ้วรอย


1. ถ้าคุณชอบนอนคว่ำหน้า เลิกนิสัยนั้นซะ ปรับท่ามาเป็นนอนหงาย เพื่อกันไม่ให้ใบหน้าคุณเสียดสีจนเกิดเป็นริ้วรอย


2. เมื่อพูดคุยกับคนอื่น พยายามเลี่ยงการแสดงอารมณ์ดราม่าจัด ๆ ด้วยการยกหน้าผากขึ้นลง มีวิธีสื่อสารด้วยท่าทางอื่นอีกมากมาย ที่สามารถใช้แทนท่าทางนี้ได้ และเมื่อคุณอยู่คนเดียวลองฝึกวางสีหน้าให้ดูผ่อนคลายบ้างระมัดระวังการแสดงอารมณ์ทางสีหน้าแบบไร้ความหมาย เช่น บางคนนั่งกินข้าวเฉย ๆ ก็ยังขมวดคิ้วอยู่


3. หันมาออกกำลังกาย และรับประทานผักผลไม้อย่างสม่ำเสมอ


4. ทาครีมกันแดดปกป้องผิวทุกวันแม้คุณจะอยู่แต่ในบ้านก็เถอะ เสมือนเป็นขั้นตอนต่อเนื่องทุกครั้งหลังจากที่คุณทามอยส์เจอไรเซอร์เสร็จ


5. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งเหล่านี้จะพรากความชุ่มชื้นไปจากผิวของคุณ

ที่มา
http://i-puk.com/beauty/wrinkle-1.php

มารู้สาเหตุทั้งหมดของริ้วรอย

มารู้สาเหตุทั้งหมดของริ้วรอย

ริ้วรอย" เป็นปรากฎการณ์การเปลี่ยนแปลงของผิวที่ผู้หญิงกังวลที่สุด เพราะคิดว่านั่นคือ เครื่องหมายการันตีความร่วงโรยแห่งวัย แต่ช้าก่อน...ความจริงแล้วริ้วรอยมีหลายประเภท บางริ้วรอยที่มาอย่างถูกที่ถูกเวลาก็เสริมราศีให้เจ้าของได้เหมือนกัน มาทำความรู้จักกับเจ้าตัว (ที่คุณคิดว่า) ร้ายกันค่ะ

โดยปกติผิวหน้าคุณเต่งตึงสวยงามอยู่ได้ เพราะสารคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิว ฉะนั้นเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง หรือความสมบูรณ์ของคอลลาเจนเสื่อมลง ริ้วรอยย่อมเกิดขึ้น แต่เกิดช้าๆ ทีละน้อย เริ่มจากรอยเล็กๆ บางๆ จนแทบมองไม่เห็นหรือมองข้ามไป มารู้ตัวอีกทีก็เป็นรอยลึกเสียแล้ว ซึ่งในแต่ละคน แต่ละเชื้อชาติล้วนมีต้นทุนคอลลาเจนแตกต่างกัน

ส่วนคนเอเซียอย่างเรา แม้คอลลาเจนไม่แข็งแรงเท่าคนผิวดำ แต่ดีกว่าฝรั่งเยอะ เปรียบเทียบคนไทยกับฝรั่งที่อายุเท่ากันจะเห็นว่าคนไทยสาว ใส ดูดีกว่ามาก


นอกจานี้สภาวะแวดล้อม และวิถีชีวิตก็มีส่วนในการเกิดริ้วรอยด้วยเช่นกัน แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำวิธีดูคุณภาพผิวที่แท้จริงด้วยการเปรียบเทียบระหว่างผิวที่ใบหน้ากับผิวที่ก้น ถ้าผิวที่หน้ามีริ้วรอยมากมาย ในขณะที่ก้นยังเต่งตึงอยู่ละก็ แสดงว่าพื้นฐานผิวคุณดี ปัจจัยภาพนอกเป็นตัวการทำลายคอลลาเจน และก่อให้เกิดริ้วรอย เช่น แสงแดด สูบบุหรี่จัด การที่น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ เป็นต้น


อย่างไรก็ตามมีการศึกษาการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าของผู้หญิง พบว่าจะแตกต่างกันตามวัยที่เพิ่มขึ้นดังนี้

- ปลายอายุ 20 เริ่มมีริ้วรอยบางๆ ที่ใต้ตา ริ้วรอยรอบๆ ตา ซึ่งเป็นผลจากการยิ้ม
- ต้นอายุ 30 มีริ้วรอยบางๆ รอบดวงตาลึกขึ้น และรวมตัวชัดเป็นรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกาที่หางตา และริ้วรอยบางๆ ระหว่างคิ้วและบนหน้าผาก ที่เป็นผลจากกิริยาขมวดคิ้ว
- ปลายอายุ 30 รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา หน้าผาก และหว่างคิ้วเพิ่มมากขึ้น รอยเหี่ยวย่นรอบริมฝีปาก รอยเหี่ยวใต้ตา และร่องแก้มหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วงของโลก
- อายุ 40 ขึ้นไป รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา ริมฝีปาก หน้าผาก และหว่างคิ้ว รอยเหี่ยวย่นจากการหย่อนคล้อยของผิวหน้า เส้นริ้วรอยที่ลำคอ


ผู้หญิงส่วนใหญ่มักกังวลกับริ้วรอยบนใบหน้ามาก หรือพูดง่ายๆ กว่ากลัวแก่นั่นเอง แต่ความจริงในทางกลับกันถ้าริ้วรอยนั้นๆ เกิดขึ้นอย่างสมวัย ก็ทำให้คุณภูมิฐาน น่าเชื่อถือได้เหมือนกัน จึงขอแบ่งริ้วรอยออกเป็น 3 ประเภท คือ

1. ริ้วรอยที่(ควร)รับได้
เกิดขึ้นอย่างเหมาะสมกับวัย เช่น รอยตีนกา ร่องแก้มที่เกิดจากการยิ้ม ซึ่งจะทำให้ดูใจดี โอบอ้อมอารี มีความสุข

2. ริ้วรอยที่(ควร)รับไม่ได้
ส่วนใหญ่เป็นร่องรอยจากพฤติกรรม เกิดจากความเครียด ความกังวล ทำให้แลดูสูวัยกว่าอายุจริง เช่น บริเวณรอบริมฝีปาก หน้าผาก ระหว่างคิ้ว รวมถึงริ้วรอยใต้ตา
3. ริ้วรอยแถม

คือ ริ้วเล็กๆ จำนวนมาก ทำให้ดูเหมือนผิวไม่เรียบเนียน พวกนี้ไม่ใช่ริ้วรอยถาวร เกิดจากผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื่น เมื่อทาครีมบำรุงอย่างต่อเนื่องจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รอยพวกนี้ไม่เกี่ยวกับคอลลาเจนเลย

ส่วนวิธีแก้ไขสำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย เช่น สูบบุหรี่จัดก่อให้เกิดอนุมูลอิสระตัวการทำลายคอลลาเจน การที่น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ ทำให้เกิดเนื้อส่วนเกินจนผิวไม่กระชับ ความเครียดทำให้เกิดรอยย่นที่หน้าผาก ขมวดคิ้วบ่อยก็เป็นรอยที่หว่างคิ้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดดเป็นตัวทำลายคอลลาเจนที่ร้ายกาจที่สุด ฉะนั้นวิธีต่อสู้กับแสงแดดที่ได้ผลที่สุดคือ "หลีกเลี่ยง" แม้การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ จะช่วยปกป้องผิวของคุณได้ในระดับหนึ่ง แต่สารตกค้างจากครีมกันแดด อาจทำให้ผิวกร้าน และระคายเคือง คนผิวมันอาจทำให้เกิดสิว และสารกันแดดประเภทออยฟรี ก็มักมีค่า SPF ต่ำ เพราะฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดหลีกเลี่ยงแดดจัดมากที่สุดเท่าที่ทำได้


นอกจากนั้นก็กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาจใช้สารแอนตี้ออกซิเด้นช่วยลดอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี โคเอนไซน์คิว 10


สำหรับกรณีที่คอลลาเจนถูกทำลายไปแล้ว ควรกินอาหารที่มีแอนตี้ออกซิเด้น ซึ่งมีอยู่ในผักทุกชนิดวิตามินซีอยู่ในส้ม ผลไม้ ผักสีเหลือง วิตามินอีในผักสีเขียวกับถั่ว ส่วนอาหารเสริมไม่มีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจนว่าได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์


อีกวิธีคือใช้ครีมบำรุงที่กระตุ้นร่างกายสร้างคอลลาเจน แต่อาจไม่ได้ผลมากนัก เพราะมีปัจจัยภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ครีมนั้นๆ สามารถซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้มากน้อยเพียงไร หรือใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เข้าช่วย เช่น ถ้าริ้วรอยตื้นๆ ใช้เลเซอร์เย็นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเป็นระยะ ถ้าริ้วรอยลึกที่หน้าผาก หว่างคิ้วก็ฉีดโบท็อก ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะปัญหาของแต่ละคนย่อมมีวิธีแก้ไขต่างกัน ปัญหาหนังเกินควรผ่าตัดเอาหนังส่วนเกินออก เลเซอร์ไม่เหมาะกับคนทำงานกลางแดด และต้องคำนึงไว้เสมอว่าการรักษาทุกอย่างมีผลข้างเคียง และไม่ได้คงอยู่ถาวรตลอดไป


ฉะนั้นสิ่งใดป้องกันได้ย่อมดีกว่าแก้ แล้วถึงตอนแก้ก็ว่ากันตามความเหมาะสม ตามวัยดีกว่า


....................................
ข้อมูลดีๆโดย
นิตยสาร Health & Cuisine

ป้องกันริ้วรอยก่อนวัยง่าย ๆ

ป้องกันริ้วรอยก่อนวัยง่าย ๆ

ปัญหาเรื่องความสวยความงามหยิบจับมาพูดกันได้ไม่จบไม่สิ้น เพราะผู้หญิงทุกคนล้วนปรารถนามีผิวหน้าสดใส ไร้ริ้วรอยด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งริ้วรอยนี่แหละนับเป็นศัตรูตัวฉกาจของผู้หญิงที่คอยทำลายความสวยงามได้อย่างไม่น่าเชื่ออย่างเวลาคุณหัวเราะดวงตาก็หรี่เล็กลง ประเภทที่เล็กอยู่แล้วก็จะกลายเป็นตาสระอิไปโดยปริยาย แถมริมฝีปากก็แอบกว้างแบบไร้ลิมิต รวมไปถึงรอยบุ๋มบริเวณร่องแก้ม บ่อยครั้งเข้าทำให้ริ้วรอยเริ่มลึกขึ้นทุกวี่วันแบบไม่ทันตั้งตัว

แต่ทำไงได้คุณมิอาจจำกัดการหัวเราะได้ว่าในหนึ่งวันฉันขอหัวเราะเพียงครั้งเดียวเพราะคุณอาจถูกกล่าวหาจากคนรอบข้างว่าไร้ชีวิตแบบไร้รสชาติ ขาดสีสัน และสิ่งสำคัญการหัวเราะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้คุณหายป่วยจากอาการป่วยได้อย่างน่าอัศจรรย์

การปรนนิบัติผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยมีคุณสมบัติตรงตามความประสงค์ แต่เมื่อเอ่ยถึงเรื่องราคาคงต้องนั่งคิดนอนคิดทบทวนกันอีกหลายตลบ ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยนั้น แนะนำว่าควรทาเฉพาะจุดที่มีริ้วรอย และต้องตั้งหน้าตั้งตาอดทนรอผลที่จะได้รับกันสักหน่อย อาจจะต้องหมดเงินเพื่อซื้อหลายกระปุกเลยเชียวแหละ

แต่ทำไงได้คุณมิอาจจำกัดการหัวเราะได้ว่าในหนึ่งวันฉันขอหัวเราะเพียงครั้งเดียวเพราะคุณอาจถูกกล่าวหาจากคนรอบข้างว่าไร้ชีวิตแบบไร้รสชาติ ขาดสีสัน และสิ่งสำคัญการหัวเราะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้คุณหายป่วยจากอาการป่วยได้อย่างน่าอัศจรรย์

การปรนนิบัติผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยมีคุณสมบัติตรงตามความประสงค์ แต่เมื่อเอ่ยถึงเรื่องราคาคงต้องนั่งคิดนอนคิดทบทวนกันอีกหลายตลบ ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยนั้น แนะนำว่าควรทาเฉพาะจุดที่มีริ้วรอย และต้องตั้งหน้าตั้งตาอดทนรอผลที่จะได้รับกันสักหน่อย อาจจะต้องหมดเงินเพื่อซื้อหลายกระปุกเลยเชียวแหละ

แต่ดิฉันขอแนะนำทางเลือกใหม่ ซึ่งช่วยกระชับเวลาให้ริ้วรอยของคุณเลือนหายไปอย่างอยู่หมัด แถมเงินในกระเป๋าสตางค์คุณยังอยู่เต็มพิกัด เพียงเจียดเวลาสักเล็กน้อยก็จะบรรลุตามความต้องการของคุณ


การนวดหน้าเพื่อลดริ้วรอยเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วยคุณได้ค่ะ เพราะสามารถทำให้กล้ามเนื้อ และผิวหน้าได้บริหาร เนื่องจากได้รับการกระตุ้นด้วยแรงนวดทำให้เลือดไหลเวียนดี ผิวหน้าสดใส ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น อีกทั้งเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ซึ่งนำไปปฏิบัติได้ระหว่างพักเหนื่อยจากการทำงาน เวลาตื่นนอน หรือก่อนเข้านอน


ถ้าคุณพร้อมแล้วเรามาเริ่มปฏิบัติการลดเลือนริ้วรอยกันดีกว่าค่ะ

- เริ่มต้นจากการทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดหมดจดกันเสียก่อน พร้อมกับจัดการรวบผมให้เรียบร้อย
- นั่งอยู่ในท่าสบาย ๆ จะบนเก้าอี้ หรือนอนบนเตียงแล้วแต่สะดวก ทำตัวเองให้ผ่อนคลาย และรู้สึกสบายใจให้มากที่สุด
- นำฝ่ามือทั้งสองวางไว้กลางใบหน้า แล้วลูบเป็นวงกลมจากแก้ม ขากรรไกร ขมับ หน้าผาก จมูก คางอย่างช้า ๆ เพื่อเป็นการผ่อนคลาย
- หน้าผาก วางมือทั้งสองไว้บนหน้าผาก แล้วใช้ปลายนิ้วกลาง และนิ้วนางนวดคลึงเบา ๆ จากกึ่งกลางหน้าผากเลื่อนออกไปตามแนวโค้งของคิ้ว และเลื่อนไปด้านข้างจากขมับทั้งสอง
- ดวงตา บริเวณหางตาวางปลายนิ้วกลาง และนิ้วนางไว้บริเวณหางตา แล้วเลื่อนขึ้นไปที่ขมับ เมื่อถึงขมับแล้วปล่อยมือออกทันที ส่วนบริเวณรอบดวงตาหลับตาแล้วค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วนางนวดเบา ๆ จากบริเวณหัวตา แล้วเลื่อนไปที่ขมับ
- แก้ม วางปลายนิ้วกลาง และนิ้วนางไว้บริเวณแก้มทั้งสอง แล้วนวดขึ้นไปที่ขมับอย่างช้า ๆ เพื่อดึงผิวขึ้นมา และช่วยต่อต้านแรงโน้มถ่วงของโลก
- ขากรรไกร ใช้ปลายนิ้วกลาง และนิ้วนางของมือทั้งสองนวดเบา ๆ บริเวณขากรรไกร เริ่มจากตรงกลางแล้วไล่ไปตลอดแนว เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
- จมูก ใช้ปลายนิ้วนาง และนิ้วกลางวางไว้บริเวณสันจมูก นวดเบา ๆ แล้วลากตรงมายังปลายจมูก และตวัดมือขึ้น
- ริมฝีปาก ใช้นิ้วกลางของมือทั้งสองข้างวางไว้บริเวณมุมปาก นวดเบา ๆ ขึ้นไปริมฝีปากด้านบน แล้วเลื่อนลงมายังริมฝีปากด้านล่าง
- คาง วางนิ้วกลางของมือทั้งสองไว้บริเวณกึ่งกลางคางให้นิ้วทั้งสองนวดขึ้นลงสลับกันจากกึ่งกลางไปบริเวณด้านข้าง



*** ทำเรียงตามขั้นตอนดังกล่าวซ้ำอีก 2 ครั้ง แต่ขอย้ำว่าอย่ากดน้ำหนักมือแรงจนเกินไป เพราะนั่นอาจจะเป็นการเพิ่มริ้วรอยให้กับคุณโดยไม่รู้ตัว ซึ่งวิธีนวดหน้าที่นำเสนอเป็นหลักการง่าย ๆ ไม่มีขั้นตอนอะไรยุ่งยากที่จะจดจำ ลองฝึกเพียงไม่กี่ครั้งก็จะจำได้ และสามารถปฏิบัติได้อย่างคล่องแคล่ว

ที่มา
http://i-puk.com/beauty/wrinkle-8.php

ตรวจหา “แววแก่” ด้วยตัวคุณเอง

ตรวจหา “แววแก่” ด้วยตัวคุณเอง

การตรวจเพื่อให้ “รู้ตัวก่อนแก่” เป็นสิ่งที่ดี แต่ก่อนที่คุณจะได้พบหมอเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นั้นจะเป็นการดีไม่น้อยที่คุณจะได้ลองชิมลางตรวจร่างกายดูด้วยตัวเองสักหน่อย เผื่อปะเหมาะเจอความผิดปกติเล็กๆน้อยๆได้ด้วยตัวเองก่อนจะได้ไปปรึกษาคุณหมอได้ทันท่วงที เพราะเดี๋ยวนี้อะไรๆก็ต้องระวังกันแจไปหมด ชาวนาถือเคียวเกี่ยวข้าวอยู่วันดีคืนดีก็ต้องถือปืนไปเกี่ยวด้วยเพราะประเดี๋ยวพ่อเจ้าประคุณหัวขโมยเรารถเกี่ยวมาลากข้าวไปหมดไร่ ดังนี้เป็นต้น

ไม่เว้นแม้แต่คนอย่างเราๆ ท่านๆ นี้บางทีก็ยากที่จะรู้ว่าเราแก่จริงหรือไม่แก่จริง เพราะคนที่รักเราเขาก็จะว่ายังไม่แก่ เอาใจให้หนุ่มสาวขึ้นอีกหลายขุม แต่พอออกไปยิ้มแฮ่แผ่ตีนกาให้ใครเห็นเข้าเขาก็พาลซุบซิบว่าแก่จริงหนอให้แว่วลอยลมมาเข้าหู ดังนั้นถ้าเรารู้ตัวเสียก่อนว่าเข้าสู่กระบวนการชรากี่คืบกี่ศอกแล้วก็จะเป็นการรอบคอบดีไม่น้อย เรามาเริ่มสังเกตด้วยตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้ากันเลย


1. เส้นผม
ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งคีบผมสักหนึ่งกระจุกเล็กตั้งแต่รากแล้วรูดมาจนถึงปลายด้วยแรงพอประมาณแล้วดูว่ามีเส้นผมหลุดติดออกมาด้วยเกิน 6 เส้นหรือไม่ และผมนั้นติดรากหรือไม่

2. รอบตา
ดูว่าเริ่มมีถุงห้อยย้อยใต้ตานิดๆแบบโหงวเฮ้งผู้บริหารไหม มีรอยย่นละเอียดหรือรอยย่นหยาบที่หางตาหรือหัวตาหรือไม่ เพราะกล้ามเนื้อรอบตาเป็นกล้ามเนื้อที่ต้องทำงานหนักอยู่เสมอ

3. เปลือกตา
ตื่นเช้ามามีเปลือกตาบวมไหม หรือดูเปลือกตาบวมแบบฉุๆอยู่ตลอดเวลาหรือไม่ซึ่งเป็นอาการแสดงของภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย มักพบบ่อยในผู้สูงวัย

4. เยื่อบุตา
ลองกดรั้งเปลือกตาล่างลงมาดูเยื่อบุแดงๆข้างในว่ายังแดงดีอยู่หรือเป็นสีจางซีดซึ่งแสดงว่ามีภาวะโลหิตจางได้ โดยมากมักพบในผู้สูงอายุ หรือถ้าพบว่าเยื่อบุตามีสีเหลืองแบบพระสังข์ทองก็ต้องระวังภาวะตับผิดปกติทั้งหลายให้ดี

5. กระจกตา
ดูที่ตาดำว่ายังดำขลับปานดวงเนตรมฤคามฤคีอยู่หรือไม่ ถ้ามีวงแหวนสีขุ่นอยู่รอบตาก็อาจต้องระวังภาวะไขมันในเลือดสูงให้ดีครับเพราะวงแหวนที่ตาดำนี้เป็นวงไขมันกับโปรตีนที่มาเกาะติดแน่นอยู่ครับไม่ทำให้สายตาผิดปกติแต่เป็นตัวที่บอกว่าร่างกายเริ่มเข้าสู่กระบวนการชราแล้ว

6. ผิวหน้า
กดผิวดูแล้วปล่อยว่ายังคืนตัวกลับมาดีอยู่หรือไม่ แม้ว่าจะไม่เด้งดึ๋งประหนึ่งลูกชิ้นใส่บอแร็กซ์แต่ก็ถือได้ว่าเป็นผิวที่สุขภาพดี เพราะเมื่อแก่ตัวลงปริมาณของคอลลาเจนและอีลาสตินที่ผิวจะน้อยลง ไขมันจะมากขึ้นทำให้ไม่ยืดหยุ่นได้ใจอย่างแต่ก่อนครับ พร้อมกันนั้นให้ดูว่ามีตีนกาใหญ่น้อยมาเยี่ยมเยือนบ้างหรือยัง ซึ่งตีนกาประเภทนี้คงไม่ได้มีประโยชน์เหมือนตีนกาของเภสัชแผนไทยหากแต่จะทำให้คุณดูยับยู่ไม่สดชื่นสดใสวัยฮิปเหมือนแต่ก่อน

7. ร่องข้างจมูก
ถ้าผิวเริ่มแก่มากขึ้นก็จะเห็นร่อง(Nasolabial fold) ชัดขึ้น ถ้าเห็นชัดดีกว่าใครเขาก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปอาจปลอบใจตัวเองด้วยว่ามีโหงวเฮ้งดีมีหนวดมังกรให้เห็นเด่นสมกับเป็นผู้มีบุญ

8. รูขุมขน
ขยายใหญ่หยาบเห็นชัดขึ้น บางทีเห็นเหมือนผิวส้มหรือหนังเป็ด หนังไก่(แต่คงเป็นประเภทไก่ซีพีมากกว่าไก่ฟ้า)

ที่มา
http://i-puk.com/beauty/wrinkle-5.php

คุณแก่แล้วหรือยัง

คุณแก่แล้วหรือยังดูจาก 12 ข้อนี้

1. เมื่อคุณเริ่มพูดว่า "สมัยก่อนนะ.............

2. เมื่อไม่มีใครสาดน้ำคุณในวันสงกรานต์

3. เมื่อบอยแบนด์ทำให้คุณสับสน

4. เมื่อโฆษณาโคโลญทำให้คุณนึกถึงความหลัง

5. เมื่อสวนจตุจักรร้อนเกินไปสำหรับคุณ

6. เมื่อคุณใช้รองพื้นหนาขึ้นเรื่อยๆ

7. เมื่อคุณไม่เห็นด้วยกับการแต่งกายของโบว์-จอยซ์

8. เมื่อคุณต้องหรี่วิทยุขณะขับรถ

9 . เมื่อการ์ตูนไม่รัญจวนใจคุณอีกต่อไป

10 .เมื่อคุณใส่กางเกงเอวสูงขึ้น

11. เมื่อคุณไม่คุ้นหน้าคุ้นตากับรองเท้าผ้าใบรุ่นใหม่ๆ

12. เมื่อคุณถูกชมบ่อยๆ ว่า "แหม....สาวไม่สร่างเลยนะคะ" แต่จริงๆ แล้วเค้าโกหก

ที่มา
http://i-puk.com/beauty/wrinkle-3.php

แพทย์แนะนำวิธีชะลอความแก่

แพทย์แนะนำวิธีชะลอความแก่

วิธีชะลอความแก่และป้องกันริ้วรอย ทำได้โดย

1. หลีกเลี่ยงแสงแดด
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ ในช่วงเวลา 10.00-15.00 น. เพราะเป็นช่วงที่มีรังสีอัลตราไวโอเลตสูงสุด หากจำเป็นต้องออกแดดช่วงนั้น ก็ควรกางร่ม
- ใช้ครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ 15 ขึ้นไป โดยทาครีมก่อนออกแดดประมาณ 30 นาที ควรเลือกชนิดกันน้ำและไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม อาจจำเป็นต้องทาซ้ำหากต้องทำกิจกรรมที่ทำให้ครีมลบเลือนได้ง่าย


2. หลีกเลี่ยงการกระทำที่ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น
- ควรเปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ และใช้หมอนทรงเตี้ย เพื่อป้องกันริ้วรอยที่จะเกิดขึ้น
- ควรเปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ และใช้หมอนทรงเตี้ย เพื่อป้องกันริ้วรอยที่จะเกิดขึ้น
- หลีกเลี่ยงการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าซ้ำๆ เพราะจะทำให้รอยย่นเด่นชัดขึ้น
- สวมแว่นกันแดด สวมหมวก หรือกางร่มขณะออกแดด เพื่อลดการหยีตา ซึ่งจะเพิ่มรอยตีนกาให้มากขึ้น


3. หมั่นดูแลผิวให้ชุ่มชื้น
- ทาครีมหรือโลชั่น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- สำหรับบางคนที่จำเป็นต้องได้รับฮอร์โมนทดแทน ฮอร์โมนทดแทนจะช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและชุ่มชื้นขึ้นได้


4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอี ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้อ็อกซิแดนท์ที่กำจัดอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเสื่อมของผิวหนัง ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดตีบตัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันและหลอดเลือดในสมองตีบ นอกจากนี้ยังช่วยให้สายตามองเห็นในที่มืดได้ดี และช่วยป้องกันโรคต้อกระจกในผู้สูงอายุได้
- แหล่งอาหารที่มีสารแอนตี้อ็อกซิแดนท์มากที่สุด คือผักและผลไม้ที่มีสีส้ม สีเหลือง หรือสีแดง เช่น แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ และแตงโม เป็นต้น


5. พักผ่อน ออกกำลังกาย ไม่เครียด
- พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ผิวพรรณจะสดใส
- ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอให้เหมาะสมกับวัย เพื่อช่วยให้การหมุนเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น ทำให้ผิวหนังได้สารอาหารและออกซิเจนเพิ่มขึ้น
- ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ผิวหนังจะได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงเพิ่มขึ้น

หากดูแลตัวเองได้ตามนี้ รับรองว่าแม้ผิวพรรณจะไม่เต่งตึงเหมือนหนุ่มๆ สาวๆ แต่ก็เรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า งามตามวัย ค่ะ

ที่มา
http://i-puk.com/beauty/wrinkle-9.php

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

สมุนไพร ลดความดัน


สมุนไพร ลดความดัน

ทราบหรือไม่ว่า สมุนไพรพื้นบ้านก็สามารถช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ วันนี้มีมาบอก...

- กระเทียม ซอยกระเทียมสดประมาณครึ่งช้อนชา กินพร้อมอาหารวันละ 2-3 ครั้งหรือจะใช้วิธีเคี้ยวกระเทียมสด ๆ ก็ได้ อย่ากินตอนท้องว่าง เพราะฤทธิ์ร้อนของกระเทียมจะทำให้แสบกระเพาะได้


- ขึ้นฉ่าย เลือกต้นสดมาตำ คั้นเอาแต่น้ำดื่ม หรือใช้ต้นสด 1-2 กำมือ ตำให้ละเอียดต้มกับน้ำ แล้วกรองเอากากออก ใช้รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร หรือกินเป็นผักสดผสมในอาหารก็ได้


- กาฝากมะม่วง ใช้กาฝากของต้นมะม่วง นำมาตากแห้งต้มน้ำดื่มต่างน้ำชาหรือตากแห้งคั่วแล้วชงดื่ม ในบางท้องถิ่นให้ใช้กาฝากสดนำใบและกิ่ง 1 กำมือ ต้มกับน้ำ แล้วนำมาดื่ม


- กระเจี๊ยบแดง ใช้กลีบเลี้ยงแห้ง ต้มน้ำหรือชงน้ำร้อนกินเป็นชากระเจี๊ยบ ช่วยลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอลได้ แก้นิ่ว และลดไข้


- บัวบก ในตำรายาไทยทั่วไปใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย ขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน แต่มีตำรายาพื้นบ้านที่นำมาใช้ลดความดันโลหิตสูง โดยใช้ต้นสด 1 หรือ 2 กำมือ ต้มกับน้ำ แล้วนำมาดื่ม


ยังมีสมุนไพรอื่น ๆ ที่ใช้ปรุงอาหารเป็นประจำและมีสรรพคุณช่วยลดความดันได้ เช่น ขิง ขี้เหล็ก ผักชี ผักชีฝรั่ง มะขาม แมงลัก เป็นต้น


รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากให้ความดันโลหิตสูงลดลง ลองหาสมุนไพรที่แนะนำมาทานกันได้

วัยทอง คืออะไร


วัยทอง คืออะไร

วัยทอง Menopause

วัยทองหรือหมดประจำเดือนคืออะไร

วัยทองเป็นวัยหนึ่งของชีวิต ซึ่งเริ่มด้วย วัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยกลางคน วัยทอง วัยรุ่นและวัยทองเป็นวัยที่รังไข่สร้างฮอร์โมนออกมาน้อยและไม่สม่ำเสมอ ทำให้มีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ วัยทองรังไข่ทำงานน้อยลงทำให้สร้างฮอร์โมนออกมาน้อยลง [ estrogen,progesterone] ทำให้บางท่านอาจจะมีประจำเดือนมากขึ้นบางคนน้อยลง บางคนประจำเดือนห่างบางคนก็มาถี่ ฮอร์โมนนี้จะช่วยในการมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ ความแข็งแรงของกระดูก ลดระดับ cholesterol


วัยทองจะเริ่มเมื่อไร
หญิงอายุตั้งแต่30 ปีขึ้นไปจน 50ปีสามารถเกิดวัยทองได้ โดยเฉลี่ยคืออายุ 51 ปีผู้ที่สูบบุหรี่จะเกิดวัยทองได้เร็วกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ ผู้ที่ตัดรังไข่ก็สามารถเกิดวัยทองได้ทันทีหลังตัดรังไข่

อาการเตือนของวัยทองมีอะไรบ้าง
เมื่อระดับฮอร์โมน estrogen และ progesterone ลดลงจะทำให้เกิดอาการหลายอย่างบางคนเป็นมากบางคนเป็นน้อย( ผลของเอสโตรเจนต่อร่างกาย)อาการอาจจะเป็นไม่กี่เดือนก็หาย แต่โดยเฉลี่ยประมาณ 4 ปี อาการต่างๆมีดังนี้
1. ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอเช่นมาเร็ว มาช้า มามาก มาน้อย มานาน
2. ร้อนตามตัว ผู้ป่วยจะมีร้อนโดยเฉพาะส่วนบนของร่างกาย แก้ม คอ หลังจะแดงหลังจากนั้นจะตามด้วยเหงื่อออกและหนาวสั่นในเวลากลางคืน อาการนี้จะเป็นนาน 1-5 นาที
3. ปัญหาเกี่ยวกับช่องคลอดและกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากระดับ estrogen ลดลงทำให้เยื่อบุช่องคลอดแห้งและบางลง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดขณะร่วมเพศ และมีการติดเชื้อในช่องคลอดบ่อยขึ้น นอกจากนั้นยังมีเรื่องกั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ดเวลาจามหรือไอ
4. การคุมกำเนิด ควรคุมกำเนิดอย่างน้อย 1 ปีหลังประจำเดือนครั้งสุดท้ายผู้ป่วยบางคนจะมีความรู้สึกทางเพศลดลง แต่บางรายมีความรู้สึกทางเพศสูงขึ้น
5. มีปัญหาเรื่องการนอน นอนหลับยาก ตื่นเร็ว อาจจะตื่นกลางคืนและเหงื่อออกมาก ผู้ป่วยจะบ่นเรื่องเหนื่อย 6. ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ผันผวนโกรธง่าย
7. การเปลี่ยนแปลงทางรูปร่าง เอวจะเริ่มหายไป ไขมันที่เคยเกาะบริเวณขาจะเปลี่ยนไปเกาะบริเวณเอวกล้ามเนื้อลดลงมีไขมันเพิ่ม ผิวหนังเริ่มเหี่ยว
8. ปัญหาอื่น เช่นปวดศีรษะ ความจำลดลง ปวดตามตัว

วัยทองกับโรค
เมื่อเข้าสู่วัยทองจะมีโรคหลายโรคเกิดมากในวัยนี้ ได้แก่ โรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน มะเร็งเต้านม แต่ไม่ใครสามารถที่จะคาดเดาว่าจะเป็นใครจะเป็นโรคดังกล่าว แต่เราจะพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงว่าวัยทองคนใดมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคอะไร ดังนั้นท่านที่อยู่ในวัยทองท่านจะต้องรู้สิ่งต่อไปนี้เพื่อการตัดสินใจรับฮอร์โมนทอแทน
• รายละเอียดเกี่ยวกับโรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน โรคมะเร็งเต้านม
• ปัจจัยเสี่ยงของแต่ละโรค
• ผลของฮอร์โมนทดแทนต่อภาวะดังกล่าว

โรคที่มักจะเกิดกับวัยทอง
• ผู้ป่วยจะเกิดโรคกระดูกพรุนได้เร็ว
• ผู้ป่วยวัยทองจะมีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มผู้ป่วยควรควบคุมปัจจัยเสี่ยง
• มะเร็งเต้านม

เมื่อเข้าสู่วัยทองต้องทำอะไรบ้าง
• ให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง ลดไขมัน
• ลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
• เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์
• ใช้สารหล่อลื่นก่อนร่วมเพศ
• ตรวจเต้านม มะเร็งปากมดลูกทุกปี

การรักษาโรคที่มากับวัยทองโดยไม่ใช้ฮอร์โมน
ก่อนการให้ฮอร์โมนทดแทนจะต้องประเมินความรุนแรงของโรคที่พบร่วมกับวัยทองเช่นอาการร้อนตามตัว กระดูกโปร่งบางและต้องมาเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่จะเกิดโรคจากการให้ฮอร์โมน เช่นมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และจะต้องพิจารณาว่ามีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่ในการรักษาภาวะเหล่านี้

ถ้าหากท่านมีอาการร้อนตามตัวจะแก้ไขอย่างไร
• เมื่อเริ่มเกิดอาการร้อนให้ไปอยู่ที่เย็นๆ
• ให้นอนในห้องที่เย็น
• ให้ดื่มน้ำเย็นเมื่อเริ่มรู้สึกร้อน
• หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดๆ และร้อน
• หลีกเลี่ยงสุรา
• หลีกเลี่ยงความเครียด เมื่อเวลาเครียดให้หายใจเข้าออกยาวๆ ช้าและใจเย็นๆ
• ถ้าหนาวให้ใส่เสื้อหลายชั้น และหากร้อนก็สามารถถอดทีละชั้น
• แพทย์บางท่าแนะนำให้ใช้วิตามิน อีซึ่งจะลดอาการได้ร้อยละ 40 clonidine และยาลดอาการซึมเศร้ากลุ่ม SSRI เช่น Prozac Zoloft
• อาหารซึ่งมีถั่วเหลืองจะช่วยลดอาการร้อนตามตัว

อาการช่องคลอดแห้ง เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะบ่อยจะแก้ไขอย่างไร
• เนื่องจากเนื้อเยื่อของช่องคลอดและกระเพาะปัสสาวะจะฝ่อทำให้เกิดอาการดังกล่าว และหากมีข้อห้ามในการรับประทานฮอร์โมนทดแทน หรือผู้ป่วยไม่อยากจะรับความเสี่ยงจากการให้ฮอร์โมนก็สามารถใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดทาช่องคลอดได ้โดยระดับยาในเลือดจะมีน้อยกว่าชนิดรับประทาน 1 ใน 4 แต่จะให้ผลดีต่อช่องคลอดมากกว่าชนิดรับประทาน 4 เท่า ในการใช้ยาครั้งแรกให้ทาทุกวันหลังจากนั้นให้ทาอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งหรือแล้วแต่การปรับของผู้ป่วย
• นอกจากนั้นบางคนอาจจะใช้ยาที่เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ช่องคลอดแต่ไม่ทำให้เนื้อเยื่อหนาตัว อาการนอนไม่หลับและอารมณ์แปรปรวน
• ใช้ยายาลดอาการซึมเศร้ากลุ่ม SSRI ซึ่งจะไปเปลี่ยนแปลงระดับ serotonin ในสมองทำให้ลดอาการซึมเศร้า

การให้ฮอร์โมนทดแทนในผู้ป่วยวัยทอง
ก่อนการให้ฮอรโมนทดแทนจะต้องประเมินความรุนแรงของโรคที่พบร่วมกับวัยทองเช่นอาการร้อนตามตัว กระดูกโปร่งบางและต้องมาเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่จะเกิดโรคจากการให้ฮอร์โมน เช่นมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และจะต้องพิจารณาว่ามีทางเลือกอื่นอีก หรือไม่ในการรักษาภาวะเหล่านั้นผู้ป่วยบางคนเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทองแพทย์จะให้ยาคุมกำเนิดรับประทานซึ่งมีผลดีหลายประการ เช่นทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ลดอาการร้อนตามตัว ลดอัตราการเกิดมะเร็งรังไข่ ข้อเสียคือไม่ทราบว่าหมดประจำเดือนหรือยัง ถ้าสงสัยก็ให้หยุดยาคุมกำเนิด 4-5 เดือนแล้วดูว่าประจำเดือนมาหรือไม่ เมื่อเข้าสู่วัยทองจริงแพทย์จะพิจารณาให้ฮอร์โมนที่มีส่วนประกอบของ estrogen และ progesteroneผลดีของการให้คือ ลดอาการ ป้องกันกระดูกพรุน และป้องกันโรคหัวใจ แต่ต้องระวังโรคแทรกซ้อนคือ โรคตับอักเสบ ไขมัน triglyceride สูง โรคมะเร็งเต้านม Phytoestrogen

พืชหลายชนิด เช่น ธัญพืช ผัก ถั่วต่าง ถั่วเหลือง จะมีสารซึ่งออกฤทธิ์คล้าย estrogen แต่ยังไม่แนะนำให้ใช้รักษาเนื่องจากยังไม่มีรายงานเรื่องประสิทธิภาพ และผลข้างเคียง

ที่มา
http://variety.teenee.com/science/

ทำบุญอายุ ความเชื่อโบราณ

ทำบุญอายุ ความเชื่อโบราณ

พิธีทำบุญอายุ นั้น จัดขึ้นเพื่อความต้องการความสุขสวัสดี มีอายุยืนยาวเจริญวัฒนาต่อไปในภายภาคหน้า ส่วนใหญ่หากเป็นการทำบุญวันครบรอบวันเกิด โดยทั่วไปมักไม่ค่อย จัดใหญ่โตนัก เพียงทำบุญตักบาตรพระในตอนเช้า หรือถวายภัตตาหารพระที่วัด เสร็จแล้วจึงถวายจตุปัจจัยไทยธรรมตามศรัทธา เมื่อพระสวดเจริญพระพุทธมนต์ให้พร อนุโมทนา และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ก็เป็นอันเสร็จพิธี

สำหรับการทำบุญอายุนั้น นิยมจัดเป็นงานใหญ่กว่าการทำบุญวันเกิด โดยทั่วไป เมื่ออยู่ในช่วงที่มีอายุเบญจเพส คือ 25 ปี หรือช่วงที่มี อายุกลางคน คือ 50 ปี หรือทำเมื่อครบ รอบ ทุก 12 ปี ซึ่งมักนิยมทำกันเมื่อครบ 5 รอบ คือ 60 ปี และ 6 รอบ คือ 72 ปี

สาเหตุที่นิยมทำเมื่ออายุครบ 25 ปี เพราะวัยเบญจเพสเป็นช่วง หัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต จากวัยรุ่นเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ส่วนทำเมื่อครบ 50 ปีนั้น เพราะถือว่าอายุยืนยาว มาได้ครึ่ง หนึ่งของชีวิตแล้ว จึงควรทำบุญและเลี้ยงฉลอง แสดงความยินดี

ประวัติความเป็นมาการทำบุญอายุ

ในสมัยพุทธกาล มีพราหมณ์ 2 คนผัวเมีย พาลูกน้อยของตนไปหาพราหมณ์ที่เป็นสหายซึ่งถือพรตบำเพ็ญตบะ เมื่อพราหมณ์ 2 ผัวเมียทำความเคารพ พราหมณ์ที่ บำเพ็ญตบะได้กล่าวอำนวยพรว่า " ขอจงจำเริญอายุยืนนาน" แต่เมื่อให้บุตรของตนทำความเคารพ พราหมณ์ผู้บำเพ็ญตบะหาได้กล่าวอวยพรให้ตามธรรมเนียมไม่ โดยบอก เหตุผลบอกว่า ลูกน้อยของพราหมณ์ 2 ผัวเมียจะต้องตายภายใน 7 วัน

พราหมณ์ผู้บำเพ็ญตบะ ได้แนะนำให้พราหมณ์ 2 ผัวเมียพาลูกไปหาพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ตรัสแถลงเช่นเดียวกัน และแนะนำอุบายป้องกัน โดยการนิมนต์พระ สงฆ์สวดพระปริตรตลอด 7 วัน ซึ่งพราหมณ์ทั้งสองก็กระทำตาม

ครั้นถึงวันที่ 7 พระพุทธองค์เสด็จไปด้วยพระองค์เอง ทำให้ยักษ์ผู้ได้รับพรมาเพื่อฆ่ากุมารไม่อาจทำอันตรายพระกุมารนั้นซึ่งนอนฟังพระปริตรอยู่ ด้วยพุทธานุภาพ ประกอบกับอายุไม่ถึงการดับแห่งขาร ทำให้ทารกนั้นรอดพ้นอันตราย และมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี

ยังไงก็แล้วแต่เพื่อนๆก็อย่าละเว้นการทำบุญอายุและการทำบุญวันเกิดนะครับ

ที่มา
http://variety.mwake.com/story/540/ทำบุญอายุ-ความเชื่อโบราณ.html

เตือนภัย โทษของน้ำต้มเดือดหลายๆครั้ง


เตือนภัย โทษของน้ำต้มเดือดหลายๆครั้ง

น้ำประปามีแร่ธาตุหลายชนิด เมื่อต้มเดือดแล้วเดือดอีกหลาย ๆ ครั้ง น้ำจำนวนมากจะระเหยกลายเป็นไอ

ส่วนที่เหลือจึงมีปริมาณแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ เข้มข้นขึ้นมาก และเกินมาตร ฐานการบริโภค น้ำที่ต้มเดือดนาน ๆ ไอออนของ ซิลเวอร์ไนเตรทที่อยู่ในน้ำ จะเปลี่ยนเป็นซิลเวอร์ไนไตรท์ ซึ่งเป็นสารที่ให้โทษแก่ร่างกาย และแร่ธาตุบางอย่างที่เป็นโทษต่อร่างกาย จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเพราะการระเหยของน้ำ และอาจมากจนเกินขีดจำกัดความสามารถของร่างกาย ในการกำจัด ขับถ่ายออกมา จึงไม่ควรดื่มน้ำที่ต้มเดือดแล้ว หลาย ๆ ครั้ง”

ข้อความดังกล่าวคงทำให้คอกาแฟหลายคน รวมทั้งคนที่ใช้กา หรือ กระติกน้ำร้อนเป็นประจำ ตกอกตกใจ ส่วนจะเป็นจริงหรือเท็จ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ มีคำตอบมาบอกกับผู้อ่านทุกท่าน

นพ.กฤษดา บอกว่า เคยได้รับอีเมลเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องจริงแต่ “จริงไม่ทั้งหมด” กล่าวคือ

1. จริง คือ ถ้าเป็นน้ำธรรมชาติ เช่นน้ำบาดาล น้ำบ่อ หรือน้ำแกงส้มที่เป็นกรดในหม้อโลหะ ถ้าต้มหลายครั้งก็จะยิ่งทำให้น้ำงวดและตะกรันธาตุตกมามากขึ้น หรือแม้แต่ “น้ำแร่” แบบที่เศรษฐีชอบดื่มกันก็ต้องระวัง เพราะต้มนานไปได้ตะกรันแถมแน่

2. ไม่จริง คือ ถ้าเป็นน้ำประปาบริสุทธิ์ ในหม้อเคลือบก็จะไม่มีสิ่งใดตกค้างอยู่หลังจากน้ำเดือดซ้ำแล้วซ้ำอีก

สำหรับกาต้มน้ำชงกาแฟไม่ควรตั้งกา ต้มน้ำร้อนไว้ให้เดือดตลอดเวลา เพราะอาจจะทำให้โลหะกร่อนลงมาปนได้ ลองเปิดฝา กาดูก็ได้อาจเห็นมีคราบตะกรันติด อยู่บ้าง

อย่างไรก็ดีมีหลักอยู่ว่า “น้ำ ใดที่นิ่งเป็นสิ่งที่ชอบของเชื้อโรค” หมายความว่า เชื้อโรคจะชอบอาศัยแบ่งตัวในน้ำนิ่งมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นน้ำในคลองแสนแสบที่นิ่งจนเน่า หรือน้ำในกระเพาะปัสสาวะของคนที่ชอบอั้นบ่อย ๆ ก็เป็นน้ำนิ่งที่เป็นบ้านของเชื้อร้ายได้เช่นกัน

ดังนั้นสำหรับท่านที่ชอบชงกาแฟดื่ม พอน้ำเดือดครั้งหนึ่งแล้วขอให้เลือกกดให้อยู่ในโหมดอุ่น (Warm) ก็พอแล้ว จะได้เป็นการป้องกัน “น้ำดื่มเน่าเคล้าเชื้อโรค” และ “ช่วยลดโลกร้อน” ช่วยยืดอายุกาต้มน้ำไฟฟ้าด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก วิชาการ.คอม

เคล็ดลับชะลอความแก่ 2


เคล็ดลับชะลอความแก่ 2

ไม่มีใครหยุดเวลาและสังขารได้ เวลาผ่านอายุก็เพิ่ม ร่างกายเราก็เปลี่ยนแปลงไปตามอายุ แต่ปัจจัยอื่นๆ ทั้งอาหารการกิน สารเคมี และยา ก็มีส่วนเร่งหรือชะลอวัย ขณะที่เราอยู่ในวัยหนุ่มสาว ร่างกายเรา สามารถปรับสมดุล ซ่อมแซมตัวเองได้ง่ายและรวดเร็ว เมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถซ่อมแซมตัวเองของร่างกายก็ลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ สัดส่วนของกล้ามเนื้อที่มีมาก ก็ลดน้อยถอยลงทุกปี มีไขมัน เข้ามาแทนที่ การรู้จักกับร่างกายของเรา และความลับของอาหารจะช่วยให้ร่างกายของเรา ปรับสมดุลได้ดีขึ้น

อาหารปรุงแต่งสารเคมี

อาหารสมัยใหม่ ปรุงแต่งให้เหมาะสมกับวิธีชีวิตอันเร่งรีบของคนเมือง ผ่านกรรมวิธีมากมายในการถนอมอาหาร มีการแช่แข็ง ทำให้แห้ง ใส่สารเคมี มีการปรุงแต่งสารพัด ไม่เหมือนอาหารปลอดจากสารเคมีเหมือนสมัยปู่ย่าระบบทางเดินอาหารเรานั้นกลับ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่ คุณภาพของอาหารเปลี่ยนแปลง ผ่านกระบวนการมากมายปัญหาของการรับเอาสิ่งแปลกปลอมที่ปรุงแต่งในอาหารเข้าสู่ร่างกายนานๆเข้าทำให้ร่างกายเราเสียซึ่งสมดุล โรคภัย ไข้เจ็บสารพันเลยตามมา ทำให้เซลล์ต่างๆเสื่อมก่อนวัย แก่ก่อนวัยอันควรชะลอวัยด้วยเคล็ดลับจากอาหาร

การชะลอความแก่เป็นสิ่งที่หลายคนสนใจ ใครๆก็ไม่อยากแก่ มันยากที่จะทำใจแต่ไม่มีหลีกเลี่ยงได้เพียงแต่ชะลอวัยที่ร่วงโรยให้ช้าลงสักนิดก็ยังดี อย่าช้าเรามีเคล็ดลับสำหรับชะลอความแก่มาให้ลองทำดู


เคล็ดลับข้อที่ 1 จากประโยคสุดฮิต you are what you eat ยังคงเป็นความจริงอยู่เสมอ คุณทานอะไร คุณก็เป็นอย่างนั้น ควรกินอาหารที่หลากหลาย ไขมันต่ำ ลดเกลือ น้ำตาล เพิ่มผักผลไม้ เน้นอาหารเช้า ลดอาหารเย็น


เคล็ดลับข้อที่ 2 กินเอนไซม์ที่จำเป็น จากผัก ผลไม้สด พยายามกินผัก ผลไม้สด เมื่อเริ่มรับประทานอาหารเพื่อเสริมประโยชน์จากเอนไซม์ธรรมชาติ


เคล็ดลับข้อที่ 3 ดื่ม น้ำสะอาด ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะคนที่ดื่มน้ำน้อยผิวพรรณก็จะดูไม่สดใส


เคล็ดลับข้อที่ 4 ทานอาหารที่เส้นใยในอาหาร สูง พวกข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ อาหารที่มีกาก หรือเส้นใยสูงจะช่วยให้ร่างกายกำจัดไขมัน และดุดซับของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น


เคล็ดลับข้อที่ 5 ทานอาหารจากถั่วเหลือง ปลาทะเลที่ มีส่วนประกอบของ กรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและ

มะเร็ง มีไขมันอิ่มตัวต่ำและปราศจากโคเลสเตอรอล มีโปรตีนสูง สามารถลดระดับ โคเลสเตอรอลในเลือดได้


เคล็ดลับข้อที่ 6 ขจัดสารพิษในร่างกาย ง่ายๆ ด้วยการเทคนิคงดอาหาร หรือการใช้ผลไม้ล้างพิษใน1 วันโดยทานและดื่มน้ำผลไม้ เฉพาะผลไม้ ชนิดเดียวใน 1 วันเป็นการล้างพิษด้วยตัวเองง่ายๆในวันเดียว


เคล็ดลับข้อที่ 7 ทานอาหารที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นไว้กับเซลส์ผิว การสูญเสียความชุ่มชื้นจากเซลส์ผิว ทำให้เกิดความหยาบกร้าน และริ้วรอย บรอคโคลี่ เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ที่เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยบำรุงผิวพรรณ เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ดูนุ่มนวลอ่อนวัยขึ้น กล้วยไข่ มีสารต้าน อนุมูลอิสระคือ เบต้าแคโรทีน สูงมาก กล้วยไข่ 100 กรัม มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม ฝรั่ง มีวิตามินซีซึ่งก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ในฝรั่ง 100 กรัม มีวิตามินสูงถึง 180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัย เคล็ดลับชะลอวัยช่วยชะลอความแก่ให้คุณได้เพียงแต่คุณต้องทำสม่ำเสมอ ค่อยๆเสริมสร้างความสมดุลของร่างกายให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ เมื่อร่างกายเราสมดุล ประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายเราก็จะดีขึ้น การกำจัดของเสียกำจัดพิษก็จะดีขึ้น เซลล์เราก็จะมีอายุยืนยาวขึ้น เมื่อเซลล์ในร่างกายเราทำงานดีขึ้นสุขภาพเราก็ย่อมดีขึ้น ความแก่ก็จะมาเยือนช้าลง

ที่มา
http://variety.mwake.com/story/227/เคล็ดลับชะลอความแก่.html

เทคนิคลดอายุ หน้าใสเด้ง เปล่งประกายออร่า


หลายคนคิดว่าหากต้องการนวดหน้าต้องพึ่งสถาบันความงามเพียงอย่าง เดียว แต่ปัจจุบันเมื่อมีการพัฒนาการนวดหน้าให้สามารถทำเองได้ เพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ให้ยุ่งยาก

คุณ Anastasia Achilleos ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรนนิบัติผิวหน้าชื่อดังจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ ร่วมกับโอเลย์ พัฒนาการนวดหน้าระดับสูง โดยใช้ โอเลย์ รีเจนเนอรีส ไมโครสคัลป์ติ้ง นวดเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ในบริเวณที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ ได้แก่ รอบดวงตา แนวขากรรไกร และลำคอ

วิธีการเริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาด แต้มครีมที่ใช้เป็นประจำในปริมาณเท่ากับผลองุ่น วอร์มครีมขึ้นเป็นวงกลม จนเนื้อครีมเริ่มอุ่น แล้วค่อยๆ นวดบน 3 จุดสำคัญบนใบหน้า (ดูรูปภาพประกอบ)

เริ่มจากบริเวณจมูกขึ้นไปถึงบริเวณหน้าผาก รอบเบ้าตาและโหนกแก้ม

ประสานมือทั้งสองข้างไว้บริเวณด้านข้างของจมูก เคลื่อนมือขึ้นไปตามแนวด้านข้างจมูกจนถึงสัน จนกระทั่งสันมือวางบนหน้าผาก เคลื่อนมือออกไปผ่านบริเวณคิ้วทั้งสองข้างจนถึงขมับ โดยกดน้ำหนักบนสันมืออย่างต่อเนื่อง และเคลื่อนมือลงไปจนถึงโหนกแก้ม แล้วจึงถ่ายน้ำหนักกลับมาที่ปลายนิ้วชี้อีกครั้ง จนวนกลับมาที่จุดเริ่มต้น

ท่าที่ 2 บริเวณแนวขากรรไกร

ทำท่าพนมมือโดยให้ปลายนิ้วอยู่จรดคาง และนิ้วโป้งอยู่บริเวณต้นคอ ค่อยๆ คลายฝ่ามือออกไปตามแนวคางทั้งสองด้าน โดยให้ฝ่ามือทั้งสองข้างกดน้ำหนักลงบนผิวหน้า จากนั้นจึงเคลื่อนมือขึ้นไปตามโครงหน้า ผ่านหางตา จนกระทั่งสันมือแตะกับบริเวณขมับทั้งสองข้าง

ท่าสุดท้าย บริเวณลำคอ

หันศีรษะไปทางด้านซ้าย ใช้มือซ้ายวางบนลำคอใช้ฝ่ามือลูบขึ้นจากใต้ลำ คอจนถึงใต้คาง โดยทำติดต่อกัน 2 - 3 ครั้ง ให้ทั่วลำคอ จากนั้นใช้ฝ่ามือลูบลงลงมาจนถึงบริเวณใต้ลำคอ เป็นอันสิ้นสุดขั้นตอน หันศีรษะไปทางขวา ทำตามขั้นตอนดังกล่าวอีกครั้งจนครีมซึมซาบลงสู่ผิวทั้งหมด

ประโยชน์จากการนวดหน้ากระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต มีผลทำให้ออกซิเจนเพิ่มขึ้น ทำให้เซลล์มีความสดขึ้น ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ จึงเป็นความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้าแบบไม่ต้องย้อนเวลา

ที่มา
http://variety.mwake.com/story/639/เทคนิคลดอายุ-หน้าใสเด้ง-เปล่งประกายออร่า.html

เคล็ดชะลอความแก่




เคล็ดชะลอความแก่

ความชราอาจเป็นเรื่องที่หนีไม่พ้น แต่ถ้ามาก่อนเวลาอันควรนี่สิ เป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายคนแน่นอน!! ดังนั้น มารู้จัก 8 เคล็ดลับชะลอความชรา เพื่อที่คุณจะได้ไม่ "แก่ก่อนวัย" กันเถอะ

1. ต้องไม่อยากแก่

ต้องตั้งใจให้มั่นคงแน่วแน่ว่าจะพยายามคงความเป็นหนุ่มสาว (ตามวัย) ไว้อย่างสุดชีวิต และการตั้งใจนี้จะต้องพร้อมด้วยร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณไปพร้อมๆ กัน

2. มีใจเป็นหนุ่มสาว

ควรคิดแบบหนุ่มสาว คือ ไม่คิดมาก ไม่วิตกจริตเกินกว่าเหตุ กล้าได้กล้าเสีย และควรแสวงหาแนวทางใหม่ๆ ในการทำงานอยู่เสมอ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด รักอิสระ มองโลกในแง่ดี และที่สำคัญควรมีความหวังเสมอ

3. ลดความเครียด

ที่แก่ก่อนวัยก็เพราะไกลความสงบ ที่ไกลความสงบก็เพราะมีเครียดเกินไป ดังนั้นถ้าไม่อยากแก่ก่อนวัย ก็จงอย่าเครียดเกินกว่าเหตุ ควรพยายามตัดความเครียดออกไปทีละอย่างด้วยความสงบ สมาธิ...ไม่นานก็หายเครียด

4. เซ็กซ์สุขสม

เซ็กซ์ที่มีความสุขจะทำให้หายเครียดได้ เพราะเซ็กซ์ที่สุขสมจะทำให้เกิดความผ่อนคลายนอนหลับฝันดี เมื่อนอนหลับฝันดี การสร้างฮอร์โมนทั้งชายและหญิงก็จะดีขึ้นเป็นเงาตามตัว

5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ถ้าคุณเซ็กเซอไซซ์ไม่ได้...ก็ให้ออกเอ็กเซอไซซ์แทน!! เพราะท้ายที่สุดแล้วทั้งสองอย่างก็จะเกิดการหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่า "เอนดอร์ฟิน" ออกมาเหมือนกัน ก็แล้วแต่จะเลือกในสิ่งที่คุณชอบ

6. อาหารต้านชรา

ลำพังแค่มลภาวะทุกวันนี้ก็ทำร้ายผิวเรามากพออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอย่าไปเร่งริ้วรอยด้วยการกินอีกเลย พยายามเลือกอาหารด้วยความพิถีพิถันสักหน่อย พืชผักผลไม้ที่มีสารด้านอนุมูลอิสระรวมทั้งธัญพืชนั้น เราควรทานเข้าไปเยอะๆ โดยต้องยึดหลักที่ว่า "ดีและหลากหลาย"

7. พักผ่อนเพียงพอ

การนอนหลับเป็นส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพที่ดี เพราเวลานอนหลับจะเป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และมีการสร้างฮอร์โมนที่ควบคุมการทำงานของระบบฮอร์โมนเพศให้เป็นปกติ ดังนั้นควรใส่ใจกับการนอนให้มากขึ้น

8. ความรัก

ความรักเท่านั้นที่ทำให้คงความเป็นหนุ่มสาวได้อย่างยาวนาน ไม่แก่ก่อนวัย เพราะความรักจะช่วยให้คนสดชื่น กระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความรักในฐานะลูกต่อพ่อแม่ ความรักต่อเพื่อนฝูง และความรักต่อมวลมนุษยชาติ

ที่มา
http://variety.mwake.com/story/464/เคล็ดชะลอความแก่.html